ผู้จัดการรายวัน 360 - “นกนางนวล” เร่งลดต้นทุนผลิต ทุ่มงบปีละ50 ล้านเสริมแกร่งเครื่องจักรออโต้ มั่นใจขึ้นค่าแรงไม่กระทบ เผยปีที่แล้วไม่โตปีแรกในรอบ 10 ปี ปีนี้ทุ่มงบตลาด 30 ล้านลุยเต็มที่ สยายปีกออนไลน์เสริมเขี้ยวหวังดันยอดขายกลับมาโตที่ 10%
นายอรุณ เรืองจรุงพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล ตรานกนางนวลและตราจรวด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ทำการลดต้นทุนการผลิตมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดได้ ขณะเดียวกันยังพัฒนาด้านการผลิตและคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทต่อปีเพื่อลงทุนด้านเครื่องจักรใหม่ทดแทนแรงงานคน ใช้ไลน์ผลิตที่เป็นระบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้น และกลางปีที่แล้วเริ่มใช้พลังงานโซลาร์เซลล์มาแทนไฟฟ้า ส่งผลให้ประหยัดได้ประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี
“ปีนี้ยังลงทุนด้านเครื่องจักรใหม่ ขณะที่แรงงานคนที่ใช้ประมาณ 1,000 คนที่โรงงานปราจีนบุรี เมื่อมีการออกไปก็ไม่ได้รับเพิ่มเพราะเราใช้เครื่องจักรแบบอัตโนมัติเหมือนหุ่นยนต์ทำงานแทนได้ ส่วนค่าแรงที่เราจ่ายให้กับพนักงานก็สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของกฎหมายอีกด้วย ซึ่งทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนักจากการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำมีผลเดือนเมษายนนี้” นายอรุณกล่าว
นายอรุณกล่าวต่อว่า การที่ต้องลดต้นทุนผลิต เพราะส่วนหนึ่งมาจากที่ปีที่แล้ว (2560) เป็นปีแรกที่ยอดขายบริษัทฯ ไม่เติบโตเลยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จากปกติจะเติบโตแม้ต่ำสุดก็ต้อง 5% หรือสูงสุดก็ที่ 20% รวมไปถึงตลาดรวมเครื่องครัวก็ไม่เติบโตเช่นกัน จากที่เคยโต 10% มาตลอด โดยที่ปีที่แล้ว (2560) บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น ในไทย 80% และต่างประเทศ 20% ขณะที่รายได้มาจากกลุ่มสเตนเลสสตีล 70% และ 30%าจากกลุ่มเคลือบสารกันติด หรือนอนสติ๊ก
ตลาดรวมเครื่องครัวในประเทศมีมูลค่า 8,000 ล้านบาท แยกเป็น กลุ่มธรรมดา มูลค่า 5,000 ล้านบาท และกลุ่มพรีเมียมมูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เป็นอันดับสอง หรือแชร์ 30% ในตลาดกลุ่มธรรมดา โดยมีคู่แข่งคือ ตราหัวม้าลายเป็นผู้นำด้วยแชร์ 45% แต่นกนางนวลเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องครัวเคลือบสารกันติดหรือนอนสติ๊กที่ยอดขายของนกนางนวลกลุ่มนี้โต 20% จากมูลค่าตลาดประมาณ 1,000 ล้านบาท โต 15-20%
ปีนี้จะใช้งบตลาดรวม 30 ล้านบาท เน้นออนไลน์ จะเพิ่ม 1 สาขาจากเดิมมีที่ปราจีนบุรี, สุขุมวิท 61, แฟชั่นไอส์แลนด์, พาราไดซ์ปาร์ค, เทอร์มินัล 21 โคราช และเพิ่มช่องทางออนไลน์ผ่านมาร์เก็ตเพลซมากขึ้นจากเดิมทำกับ ลาซาด้า, ชอปปี้ และอีเลฟเว่นสตรีทแล้ว และเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเริ่มทำเว็บไซต์ของตัวเอง มีสินค้าขาย 50 เอสเคยู วางเป้าหมายสัดส่วนยอดขายออนไลน์ 10% ใน 5 ปีจากนี้ และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องและเน้นทำตลาดนอนสติ๊กมากขึ้นด้วย
บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 8-10% ขณะที่ตลาดรวมจะโตได้ 7% เพราะปัจจัยบวกคือ 1. กำลังซื้อฟื้นตัว 2. โครงการต่างๆ ของรัฐบาลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 3. ภาคอสังหาริมทรัพย์และท่องเที่ยวเติบโตส่งผลดีต่อเครื่องครัวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดกลุ่มโฮเรกาที่โตดี ส่วนตลาดส่งออกกว่า 20 ประเทศ จะเน้นเพิ่มยอดขายตลาดเดิมมากกว่าเพิ่มตลาดใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งในไทยเป็น 35% อีก 3 ปี และคาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท