“กฟผ.” เตรียมรีดไขมันออกนโยบายลดต้นทุนรอบด้าน พร้อมปรับลดคนให้เหมาะสมเหลือ 1.5 หมื่นคนในอนาคต เตรียมลุยผลิตไฟฟ้าแข่งกับเอกชนทั้งเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทนที่อยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน ลั่นต้นทุนผลิตไฟต่ำกว่าเอกชน
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตัดลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นและสิ้นเปลือง (Lean) ให้ทุกหน่วยงานช่วยคิดว่าจะทำอะไร และจะตัดอะไรที่ไม่จำเป็นออกเพื่อที่จะทำให้การบริหารงาน กฟผ.เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนของพนักงานที่ กฟผ.มีอยุ่ทั้งหมดราว 2.2 หมื่นคนตั้งเป้าหมายจะให้เหลือ 1.5 หมื่นคนในอนาคต โดยปีนี้หากพนักงานเกษียณจะรับทดแทนเพียง 15% เท่านั้น
ทั้งนี้ กฟผ.พร้อมแข่งขันเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ประเภทเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งที่ผ่านมากติกาก็ถูกกำหนดให้ต่ำกว่าเอกชนอยู่แล้วโดยต่ำกว่าราว 10 สตางค์ต่อหน่วย และหากให้แข่งขันด้านการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็พร้อมแข่งบนกติกาเงื่อนไขเดียวกัน โดยปัจจุบันนี้ด้วยเงื่อนไขระเบียบราชการที่ยังอนุมัติล่าช้า พร้อมข้อกำหนดจัดซื้อที่ให้ซื้อวัสดุอุปกรณ์ในประเทศก็ไม่เอื้อกับการแข่งขันของ กฟผ.
“กฟผ.ยังจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อความมั่นคงของประเทศ และที่ผ่านมายังถูกสั่งให้ช่วยเหลือลดภาระประชาชนในช่วงราคาแพง โดยต้นทุนค่าไฟฟ้า กฟผ.แข่งขันได้และราคาต่ำกว่าเอกชนร้อยละ10 เนื่องจาก กฟผ.ถูกควบคุมตัวกำไรและมีความสามารถในการกู้เงินต้นทุนต่ำกว่าเอกชน และกรณีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน กฟผ.ก็เลือกที่จะเดินเครื่องก่อนเพราะต้องการลดก๊าซเรือนกระจกแม้กระทั่งแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือพีดีพีก็เสนอให้ปรับเพิ่มพลังงานทดแทนไม่ได้คัดค้านใดๆ และพร้อมจะแข่งขันบนกติการัฐที่เอื้อกับการแข่งขันเอกชนอย่างแท้จริง” นายกรศิษฏ์กล่าว
ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและกระบี่จะเกิดขึ้นในภาคใต้หรือไม่ ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่าขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้โต 4-5% จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าใหม่ แต่หากจะใช้ก๊าซเพิ่มจะเสี่ยงหรือไม่เพราะขณะนี้ในภาคใต้พึ่งพาก๊าซผลิตไฟฟ้าแล้ว 78% หากเกิดปัญหาการขนส่งก๊าซโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) หากขนส่งมาไม่ได้จะทำอย่างไร และในพีดีพีฉบับใหม่ก็น่าจะมีสัดส่วนการกระจายเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ถ่านหินควรมีเท่าใดก็ควรจะดูให้รอบด้าน โดยที่เยอรมนีก็พึ่งพาถ่านหิน 40% แม้ว่าจะเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนก็ตาม