ทอท.ยืนยันไม่มีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) เก็บเท่าเดิมผู้โดยสารระหว่างประเทศ 700 บาท และผู้โดยสารภายในประเทศ 100 บาท “นิตินัย” เผยรายได้ทะลัก เงินสดในมือเหลือเฟือเพียงพอลงทุนขยายสนามบิน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ตามที่สื่อได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ (Passenger Service Charge : PSC) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) จาก 100 บาท เป็น 300 บาท นั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทอท.ได้ปรับค่า PSC ครั้งล่าสุดเมื่อครั้งเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี 2549 โดยท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งจัดเก็บค่า PSC ภายในประเทศที่อัตรา 100 บาทต่อคน และค่า PSC ระหว่างประเทศที่อัตรา 700 บาทต่อคน ซึ่งปัจจุบัน ทอท.ยังคงจัดเก็บค่า PSC ในอัตราเดิมที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2549 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเสนอปรับอัตราค่า PSC ต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) แต่อย่างใด
อัตราค่า PSC ที่ ทอท.จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันเป็นไปตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ค่าบริการผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินอนุญาตซึ่งให้บริการแก่สาธารณะ พ.ศ. 2560 ซึ่งออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ โดยประกาศดังกล่าวได้กำหนดอัตราค่า PSC สำหรับสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. กรณีเดินทางไปต่างประเทศ เรียกเก็บได้ครั้งละไม่เกิน 700 บาท และกรณีเดินทางภายในประเทศ เรียกเก็บได้ครั้งละไม่เกิน 100 บาท
สำหรับรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC นั้น กฎหมายได้กำหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนำไปใช้ในการจัดหาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการบำรุงรักษาด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากลเท่านั้น โดย ทอท.ได้นำรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC ไปดำเนินการในโครงการก่อสร้างต่างๆ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่ ทอท.บริหารงาน รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในท่าอากาศยานทุกแห่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารที่จะได้รับความปลอดภัย และความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ ทอท.จัดไว้รองรับ ตลอดจนการจัดส่งรายได้ที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ขณะนี้เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยสนามบินสุวรรณภูมิปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปี สูงกว่าขีดความสามารถรองรับที่ 45 ล้านคนต่อปี ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดในมือสูงราว 7 หมื่นล้านบาท และยังมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อีกปีละ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่แผน 10 ปี ทอท.จะลงทุนประมาณ 2.2 แสนล้านบาทเพื่อขยายขีดความสามารถทุกสนามบิน ซึ่งรวมการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ที่ปรับลดลงเหลือ 5.3 หมื่นล้านบาทด้วย โดยจะมีรายได้ที่นำไปลงทุนพัฒนาได้โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่า PSC