กรมเจ้าท่าออกข้อบังคับเรือโดยสารที่จะต่ออายุตั้งแต่ 1 ม.ค. 61 ต้องใช้เสื้อชูชีพได้รับอนุมัติจากกรมเจ้าท่า ส่วนเรือประเภทอื่นๆ จะบังคับตั้งแต่ 1 ม.ค. 62 โดยสิ้นปี 62 เรือทุกลำต้องมีเสื้อชูชีพตามมาตรฐาน ซึ่งได้พัฒนามาตรฐานเสื้อชูชีพร่วมกับผู้ผลิต เป็นการยกระดับความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
กรมเจ้าท่า โดยสำนักมาตรฐานเรือ แจ้งว่า ได้ออกข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกใบสำคัญรับรองมาตรฐานเสื้อชูชีพสำหรับเรือเดินภายในประเทศ พ.ศ. 2560 เพื่อกำหนดให้เรือต้องใช้เสื้อชูชีพที่ได้รับอนุมัติจากกรมเจ้าท่า ตามหลักเกณฑ์คุณลักษณะและวิธีการทดสอบที่กรมเจ้าท่ากำหนด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งและเดินทางทางน้ำให้เป็นสากล
ข้อบังคับกรมเจ้าท่าดังกล่าวจะบังคับใช้กับเรือโดยสารที่มาต่ออายุใบอนุญาตใช้เรือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 และภายในสิ้นปี 2561 เสื้อชูชีพในเรือโดยสารทุกลำจะต้องได้รับมาตรฐานของกรมเจ้าท่าหรือมาตรฐานสากล สำหรับเรือประเภทอื่นๆ จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้กำหนดเป้าหมายไว้ภายในสิ้นปี 2562 เรือที่เดินภายในประเทศทุกลำจะต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อชูชีพที่มีคุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานของกรมเจ้าท่า
ปัจจุบันพบว่าในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวมีการใช้เสื้อชูชีพที่ไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกใบสำคัญรับรองมาตรฐานเสื้อชูชีพสำหรับเรือเดินภายในประเทศ พ.ศ. 2560 กรมเจ้าท่าจึงได้พัฒนามาตรฐานเสื้อชูชีพรูปแบบใหม่ร่วมกับบริษัทผู้ประกอบการผลิตเสื้อชูชีพในประเทศ โดยยกระดับมาตรฐานเสื้อชูชีพให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อคนประจำเรือและคนโดยสารบนเรือภายในประเทศให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและลักษณะการใช้งาน ซึ่งเสื้อชูชีพมีทั้งแบบเสื้อกั๊กและแบบคล้องคอ โดยต้องมีแรงลอยตัวไม่ต่ำกว่า 100 นิวตัน มีวัสดุและอุปกรณ์ที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่กรมเจ้าท่ากำหนด รวมทั้งต้องสามารถพลิกกลับไปอยู่ในลักษณะเอนหงายหลัง และปากของผู้สวมอยู่สูงพ้นระดับน้ำได้ใน 10 วินาที แม้ผู้สวมจะหมดสติก็ตาม และเมื่อได้รับอนุมัติจากกรมเจ้าท่าแล้วจะต้องติดฉลากที่เสื้อชูชีพขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร ยาว 10 เซนติเมตร เพื่อแสดงข้อมูลการได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของเสื้อชูชีพ
ทั้งนี้ การที่กรมเจ้าท่าพัฒนามาตรฐานเสื้อชูชีพใหม่ขึ้นนั้นเป็นการยกระดับมาตรฐานเสื้อชูชีพให้มีความปลอดภัยในการขนส่งและการเดินทางทางน้ำแก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในระบบการขนส่งทางน้ำของประเทศไทย