ขสมก.เซ็นสัญญา “SCN-CHO” ซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน วงเงิน 4,261 ล้าน ยันได้นั่งรถใหม่ก่อนเปิดเทอมหน้า “ไพรินทร์” การันตีกระบวนการถูกต้อง บอร์ด ขสมก.อนุมัติ 18 ธ.ค. “สุรเดช” ยัน ช ทวีไม่มีทิ้งงาน โต้ข่าวโจมตี บอกเสียเวลาอ่าน เผยจับมือ สแกนอินเตอร์ซื้อรถจีนนำเข้ามาประกอบในประเทศบางส่วน ขายขสมก.คันละ 3.9 ล้าน ยันซ่อมบำรุงตลอด 10 ปีไม่มีปัญหา ระบุต่อรองเพิ่มค่าซ่อมปี 6-10 เป็น 1,700 บาท/คัน/วัน
วันนี้ (27 ธ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมเป็นประธานในการลงนามสัญญาซื้อขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน ระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO (Consortium SCN-CHO) ซึ่งมี บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ร่วมกับบริษัท สแกน อินเตอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ SCN มูลค่า 4,261 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคากลาง 241 ล้านบาท โดยเอกชนกำหนดระยะเวลาส่งมอบล็อตแรก 100 คันภายใน 90 วันหลังลงนามสัญญา (หรือใน มี.ค. 2561) ล็อตที่ 2 ส่งมอบอีก 120 คัน ภายใน 100 วันหลังลงนามสัญญา (ก่อนกลาง เม.ย. 2561) ล็อตที่ 3 ส่งมอบอีก 100 คันภายใน 120 วัน หลังลงนามสัญญา (ในกลาง เม.ย. 2561) และล็อตที่ 4 จำนวน 189 คัน ส่งมอบภายใน 180 วันหลังลงนามสัญญาหรือภายในเดือน มิ.ย. 2561
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า โครงการจัดซื้อรถ NGV จำนวน 489 คันใช้เวลานานมาก เป้าหมายเพื่อนำรถใหม่มาทดแทนรถสภาพเก่า และต้องใช้พลังงานสะอาด ใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ติดตั้งระบบ GPS เพื่อควบคุมการให้บริการ และนำระบบ E-Ticket มาใช้ ซึ่ง ขสมก.เป็นหลักในการให้บริการระบบรถโดยสารสาธารณะ และสนองนโยบายรัฐบาลในด้านบริการสังคม ซึ่งอาจจะต้องรับภาระในบางส่วน และอนาคตรถเมล์จะเป็นระบบฟีดเดอร์เชื่อมกับรถไฟฟ้า ดังนั้นการจัดซื้อครั้งนี้จะต้องสามารถตอบคำถามสังคมได้ และเป็นสัญญาซื้อรถพร้อมบริการเต็มรูปแบบตลอดอายุ 10 ปี ดังนั้นตัวรถจะต้องพร้อมใช้ตลอด บริษัทต้องรับดูแลการซ่อมแซม หากรถมีปัญหา ขสมก.จะต้องปฏิบัติตามสัญญา โดยรถใหม่จะเข้ามาเริ่มให้บริการในการเปิดเทอมหน้า
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า การจัดซื้อครั้งนี้ใช้หลักปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และใช้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จึงมีความโปร่งใส โดยขอย้ำว่าคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.ที่มีนายณัฐชาติ จารุจินดา เป็นประธานได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เห็นชอบการจัดซื้อ ส่วนที่มีข่าวกรณีวันที่ 20 ธ.ค.นั้น เป็นการประชุมรับรองรายงานการประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีวันที่ 20 ธ.ค. มีกรรมการ ขสมก.บางส่วนไม่รับรองมติของวันที่ 18 ธ.ค.จะมีผลกระทบหรือไม่ นายไพรินทร์ยืนยันกระบวนการทุกอย่างจะต้องถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นวันนี้คงเซ็นสัญญาไม่ได้ โดยสัญญาครั้งนี้เป็นก้าวใหม่ของ ขสมก.ที่จะมีรถเมล์ใหม่ให้บริการประชาชน ขณะที่ระบบ NGV ของ ปตท.สามารถรองรับการให้บริการรถ 489 คันไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ขสมก.จะต้องศึกษาเพื่อจะจัดหารถใหม่มาทดแทนรถเก่า ว่าจะใช้เชื้อเพลิงใด
***ช ทวี ยันไม่มีทิ้งงาน โต้ข่าวโจมตี เสียเวลาอ่าน
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมตั้งแต่ที่เคยประมูลได้และถูกยกเลิกไปครั้งก่อน และจะใช้ประสบการณ์การทำรถเมล์ที่จังหวัดขอนแก่นมาให้บริการ ดังนั้นสัญญานี้จึงไม่ได้เป็นการขายของให้ ขสมก.หรือให้รัฐบาล เป็นการมาเปลี่ยนระบบขนส่งใน กทม.มากกว่า ข่าวหนังสือพิมพ์ที่ออกมาไม่อยากให้ฟัง เพราะไม่ใช่เสียงของคนขึ้นรถเมล์ เปลืองกระดาษเปล่าๆ ข่าวไม่มีประโยชน์ และหลังส่งมอบรถแล้วให้สำรวจความพึงพอใจผู้โดยสารซึ่งจะเป็นคำตอบ
“CHO และ SCN เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คงไม่ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องโปร่งใสแน่นอน การประมูลเป็นแบบตรงไปตรงมา เพราะเราหนีไปไหนไม่ได้ ซึ่งมั่นใจในคุณภาพและศักยภาพ สัญญานี้วงเงิน 4,261 ล้านบาท ข้อเสนอรถที่ 1,891 ล้านบาท หรือคันละประมาณ 3.9 ล้านบาท วงเงินค่าซ่อมบำรุง 2,370 ล้านบาท ตลอด 10 ปี โดยเสนอค่าซ่อมปีที่ 1-5 เสนอที่ราคา 925 บาท/คัน/วัน ปีที่ 6-10 อยู่ที่ 1,700 บาท/คัน/วัน ซึ่งสูงกว่าราคากลางเล็กน้อย (ราคากลาง 1,635 บาท/คัน/วัน) เพราะได้ทบทวนวงเงินร่วมกับสแกนอินเตอร์แล้วสามารถบริหารต้นทุนให้ต่ำลง ยืนยันว่าจะดูแลรถ 489 คันนี้ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีมากตลอด 10 ปี จะไม่มีปัญหา” นายสุรเดชกล่าว
สำหรับ ช ทวี และสแกนอินเตอร์ในกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ร่วมทุนสัดส่วน 50-50 วงเงิน 1,300 ล้านบาท โดยรถที่จะส่งมอบนั้นจะเป็นรถที่ผลิตใหม่ ซึ่งจะเป็นรถโดยสารยี่ห้อ BLK ของบริษัท Jiangxi KAMA Business Bus Co., Limited จากประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองหนานชาง โดยจะนำเข้ามาประกอบบางส่วนในประเทศ โรงงานขอนแก่นและที่พัทยา โดยนำเข้าตัวรถจากจีน ส่วนเกียร์, ถังแก๊ส, แอร์ ซื้อและประกอบในประเทศ เป็นแบบ SKD หรือเซมิน็อกดาวน์ ซึ่งจ่ายภาษีอย่างถูกต้อง ภาษีเฉลี่ยไม่ถึง 40%