xs
xsm
sm
md
lg

2บิ๊กยันปี61“ธุรกิจอีเวนต์”ฟื้นตัว “CMO”รุกสวนสนุกดันอิเมจิเนีย”บุกตปท. “อินเด็กซ์”ลุยอีเวนต์สุขภาพ-โหมเมียนมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360- อีเวนต์มูลค่า 14,000 ล้านบาท ปีหน้าลุ้นกลับมาโต 10%ในรอบ5ปี หวังภาครัฐเดินหน้าเรื่องเสรีภาพ มีเลือกตั้ง สร้างมั่นใจเต็มร้อย ชี้คอนเสิร์ตอั้นปล่อยเต็ม อีเวนต์อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ไฟแนนซ์ แข่งเดือดปลุกตลาดคึกคัก ถอนใจFMCG อยู่ในช่วงถอยหลังลงคลอง เปิดแผน"ซีเอ็มโอ -อินเด็กซ์" รุกหนักปี61

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมอีเวนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 14,000 ล้านบาท ในปีหน้า(2561)มีแนวโน้มกลับเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% หรือสูงสุดในรอบ 5 ปี

เนื่องจากที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นในไทยหลายด้านซึ่งส่งผลต่อภาพรวมอีเวนต์อย่างมาก แต่ในปี2561มีแนวโน้มที่ดี เศรษฐกิจดี ลูกค้ากลับมาใช้เงิน และหากภาครัฐผลักดันในเรื่องเสรีภาพ ให้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีออกมาเรียบร้อย รวมถึงมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ยิ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่จะกลับมาใช้เงินและจัดอีเวนต์นั้น ได้แก่ กลุ่มอสังหริมทรัพย์ ยานยนต์ สถาบันการเงิน การสื่อสาร ส่วนสินค้าประเภท FMCG กลับเป็นกลุ่มที่จะเลือกใช้อีเวนต์ลดลงตามสถานการณ์ ส่วนรูปแบบอีเวนต์ที่จะมาแรงในปี2561คือ อินเซนทีฟ อีเวนต์ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์อีเวนต์ ประเภท คอนเสิร์ต ทั้งไทยและต่างประเทศในอัตรา 50% เท่าๆกัน
ส่วนหนึ่งมาจากการชะลอและไม่ได้จัดในช่วงปีที่ผ่านมา อีกส่วนมาจากการขนส่งที่ดีส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาดูคอนเสิร์ตที่จัดในไทย หรือไทยนำคอนเสิร์ตต่างชาติเข้ามาจัดในไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการอีเวนต์รายกลางและรายย่อยมีหายไปจากตลาดบ้าง แต่จากทิศทางอีเวนต์ที่จะดีขึ้นนั้น มองว่าต้องดูอีก 1-2 ปีก่อน จึงจะเห็นผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้น ส่วนในปี2561ยังเป็นผู้เล่นรายเดิมที่จะแข่งขันกันในตลาดเดิม

ในขณะที่มุมมองของ นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินว่าในปี 2561 ธุรกิจอีเวนต์จะกลับมาเติบโตได้ประมาณ 5% จากปี 2560 ด้วยปัจจัยบวกหลายประการ ทั้ง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้นมาหลังจากเจอปัญหามามาก รวมไปถึงสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น และกำลังซื้อของตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว
อีกทั้งที่มั่นใจว่าปี61จะดีเนื่องจาก ในช่วง2เดือนสุดท้ายของปี2560 เริ่มมองเห็นสัญญานบวกที่ดีขึ้นบ้างแล้ว การจับจ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่และสิ้นปี เริ่มคึกคัก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซบเซามานาน และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดรวมอย่างมาก ซึ่งคาดว่าในปี2561 ธุรกิจอีเวนต์จะกลับมาเติบโตได้อีกอย่างต่ำ 5% ขณะที่ปี2560 คาดว่าตลาดรวมยังคงติดลบ 4-5% จากปี 2559 ที่ตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าธุรกิจอีเวนต์ในปี2561 จะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นโดยเฉพาะสินค้าและบริการที่จะกลับมาใช้เม็ดเงินในการจัดอีเวนต์มากขึ้น เพื่อการกระตุ้นการขาย การสร้างแบรนด์ หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านี้หลายปีที่ผ่านมา สินค้าและบริการต่างๆได้ชะลอเรื่องการจัดอีเวนต์ไปมาก
ปัจจัยที่สะท้อนได้ดีถึง การตัดงบหรือลดงบด้านอีเวนต์ลงนั้นในช่วงที่ผ่านมา ย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจาก เหตุการณ์ต่างๆทั้งเศรษฐกิจและการเมือง แม้กระทั่งงบโฆษณาก็ยังลดลง ของสินค้ารายใหญ่ๆในช่วงที่ผ่านมา คือ ตัวเลขจากนีลเส็น ที่ระบุถึงตัวสินค้า 3 อันดับที่ใช้งบโฆษณาสูงสุดช่วง 11 เดือนแรก ปี 2560 คือ 1. ยูนิลีเวอร์ ใช้ 3,508 ล้านบาท แต่ก็เป็นงบที่ลดลงจากเดิมอย่างมากที่ใช้ 4,301 ล้านบาท หรือแม้แต่ โตโยต้ามอเตอร์ ก็ใช้เพียง 1,851 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ใช้ 2,083 ล้านบาท ส่วนอันดับที่สาคือ 3.พีแอนด์จี ใช้ 1,774 ล้านบาท เพิ่มเล็กน้อย 100 กว่าล้านบาท จากเดิมที่ใช้ 1,645 ล้านบาท
การลดงบโษณาลงก็เกี่ยวเนื่องกับการลดงบอีเวนต์ลงด้วยเช่นกัน

เมื่อสถานการณ์ที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว สองยักษ์ใหญ่อย่าง ซีเอ็มโอ กับ อินเด็กซ์ ก็มิอาจอยู่นิ่งอีกแล้ว วางแผนรุกตลาดเต็มที่ทั้งในไทยและต่างประเทศ

นายเสริมคุณ กล่าวถึงแผนการรุกธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจใหม่อย่างสวนสนุก ว่า ในส่วนของ ธุรกิจสวนสนุก "อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) บริษัทฯตั้งเป้าหมายระยะยาว 5 ปีจากนี้ จะขยายตัวด้วยระบบแฟรนไชส์ อีก 5 สาขาในต่างประเทศ ซึ่งหากขยายงานสำเร็จ อิเมจิเนียจะเป็น Inter Brand ที่ได้รับการยอมรับ และสร้างรายได้คงที่ให้กับบริษัทฯอย่างดี
ปัจจุบันบริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจอีกหลายประเทศ ทั้งในอาเซียน และเอเชียตะวันออกกลาง ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำสัญญาสร้าง Imaginia Zone ให้กับ Little Prince Kids Theme Park สวนสนุกในเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน และล่าสุดได้เซ็นสัญญาแฟรนไชส์เป็นที่เรียบร้อยที่จะขยายสาขาไปยังเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม บนพื้นที่ 1,800 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างและแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2561

ปี2560 ยอดขายของบริษัทฯคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,300 ล้านบาท โดยในไตรมาสี่ปี2560 บริษัทฯมีงานในมือคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีที่แล้ว ส่งผลให้ไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของบริษัท

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2560 (กรกฎาคม-กันยายน 2560) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 277.29 ล้านบาท เพิ่ม 31.14 ล้านบาท โต 12.65% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2559 ที่มีรายได้ 246.15 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 37.52 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ขาดทุนลดลง โดยขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 20.5 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนลดลง 45.25% ขณะที่งบเดี่ยวของ CMO ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 382.7 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยู่ที่ 35.9 ล้านบาท

ด้านอินเด็กซ์ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะ นายเกรียงไกร ตั้งเป้หมายรายได้ปี2561ไว้ว่าจะต้องโต 10% ให้ได้ จากปี 2560 ที่มีรายได้รวมประมาณ 1,700 ล้านบาท โดยการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการขยายอีเวนต์ทั้งการจัดเองและการรับจ้างจัดงาน โดยเฉพาะงานที่จัดดขึ้นเอง ( OWN EVENT ) จะเป็นงานที่บริษัทฯให้ความสำคัญและรุกตลาดหนักขึ้น ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการจัดงานของตัวเอง 8% เพิ่มจากเดิมปี60ที่มีสัดส่วน 5%
ขณะที่สัดส่วนรายได้ภายใน 4 ปีจากนี้คาดว่าจะเท่ากันที่ไทย 50% และต่างประเทศ 50% จากการที่บริษัทฯมีแผนขยายตลาดในภูมิภาคเอเซียมากขึ้น เพื่อต่อยอดไปยังภูมิภาคอื่นตามมาอีก
เนื่องจากตลาดในภูมิภาคเอเซียนี้ ถือเป็นตลาดที่มีโอกาสในการขยายตัวอย่างมาก การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในระดับ 7-8% ต่อปี ซึ่งมากกว่าจีดีพีของประะเทศไทยที่ เฉลี่ยจะเติบโตอยู่ที่ 3-4% เท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้ปี2561จึงมีแผนจัดอีเวนต์ใหญ่ “กิโลรัน2018” ซึ่งเป็นงานอีเวนต์วิ่งระดับโลก ตามกระแสการรักสุขภาพด้วยการวิ่งที่เติบโตอย่างมาก โดยเป็นการร่วมมือกันจัด 4 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม และจะจัดใน 4 ประเทศดังกล่าวด้วย
นอกจากนั้นยังรุกตลาดเมียนมาหนักขึ้นด้วย โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งหลังจากที่ทำตลาดในเมียนมามาแล้ว 4 ปี ทำอีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง และ อีควิปเมนต์ ทำรีเสิร์ช และ ทำเทรดโชว์ 4 งาน/ปี ล่าสุดจับมือกับแฮปปีโอ้ ผู้นำการสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อสังคมโลกออนไลน์ 5 ธุรกิจ คือ 1. วิเคราะห์ตลาด 2. วางกลยุทธ์ 3. ผลิตออนไลน์คอนเทนต์ 4. ซื้อสื่อออนไลน์ และ 5. พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
เนื่องจากเมียนมามีประชากรที่ใช้มือถือ 93% โตมากถึง 38% และมีการใช้งานอินเทอร์เน็ต 14 ล้านคน มีอายุตั้งแต่ 18 - 34 ปี บุกตลาดเมียนมาเต็มรูปแบบ ปัจจุบันมีลูกค้า 3 - 4 ราย ปี61นี้ คาดว่า จะเพิ่มอีก 2 - 3 ราย โดยรายได้จากเมียนมาในปี61คาดว่าจะทำได้ 120 ล้านบาท จากสิ้นปี60ทำได้ 80 ล้านบาท
เมื่อสองหัวเรือใหญ่ของวงการอีเวนต์ในไทยอย่าง เสริมคุณ แห่ง ซีเอ็มโอ และเกรียงไกร แห่ง อินเด็กซ์ฯ มั่นใจถึงสถานการณ์โดยรวมในปี2561นี้จะดีขึ้น และจะส่งผลต่ออีเวนต์จะกลับมาฟื้นตัวดึขึ้น จึงน่าจับตามองว่า ตลาดรวมจะเคลื่อนไหวกันอย่างไรบ้างและแผนธุรกิจของทั้งสองจะรุกหนักเพียงใด


กำลังโหลดความคิดเห็น