ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดรวมขายตรงเร่งเครื่องเต็มที่ช่วงโค้งท้ายปี คาด เติบโตแค่ 2% ขาใหญ่รุกตลาดหนัก ทั้งออกสินค้าใหม่อัดโปรโมชันแรง หวั่นตลาดอาจสูญ 20% ช่วงเดินเรื่องขอไลเซนส์ขายช่องทางออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย
นางสาวสุชาดา ธีรวชิรกุล นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ตลาดรวมขายตรงในไทยในปีนี้ (2560) คาดว่า จะมีการเติบโตเพียงแค่ 2% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก หรือมีมูลค่ารวมประมาณ 95,000 ล้านบาท โดยประมาณว่าทั้งระบบจะมีนักธุรกิจขายตรงประมาณ 11 ล้านราย ส่วนรายได้รวมของสมาชิกของสมาคมที่มีประมาณ 32 บริษัทมีสัดส่วนมากถึง 70%
“ตลาดรวมขายตรงในไทยยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากมีการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ใช้เทคโนโลยี และโซเชียลเน็ตเวิร์กทำธุรกิจ อีกทั้งไทยยังคงเป็นสังคมชุมชนหรือคอมมูนิตีของโลก เช่นเดียวกับธรรมชาติของธุรกิจขายตรงที่เป็นการทำธุรกิจแบบคอมมูนิตีดูแลซึ่งกันและกันเป็นเครือข่าย ทำให้ขายตรงยังคงเติบโตไปได้ตามแบบธรรมชาติ”
นอกจากนั้น ขายตรงมีสินค้าหลากหลาย และที่สำคัญ สอดคล้องคนรุ่นใหม่ของไทยที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองของคโดยเฉพาะช่วงอายุ 25 - 35 ปี มีขายตรงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เข้ามาทำมาก และช่องทางการขายตรงถือเป็นช่องทางที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมาก
ทั้งนี้ ภูมิภาคที่มีสัดส่วนยอดขายด้านขายตรงสูงสุด คือ ภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก สัดส่วนยอดขาย 46% โตเฉลี่ย 3 ปี 6.7%, ภูมิภาคอเมริกา สัดส่วนยอดขาย 33% โตเฉลี่ย 3 ปี 3.3%, ภูมิภาคยุโรป สัดส่วนยอดขาย 20% โตเฉลี่ย 3 ปี 4.9% และแอฟริกา / ตะวันออกกลาง สัดส่วนยอดขาย 1%
เติบโตเฉลี่ย 3 ปี 6.0%
สอดคล้องกับที่ นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่กล่าวไว้ว่า ตลาดรวมธุรกิจขายตรงปี 2560 จะมีมูลค่ารวมประมาณ 95,000 ล้านบาท หรือเติบโต 1 - 2% เท่านั้น ส่วนปีหน้า(2561) คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-5%
“ตลาดรวมเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อารมณ์การจับจ่ายเริ่มกระเตื้องขึ้นและดีขึ้น หลังจากที่ช่วงปีที่แล้วตลาดค่อนข้างนิ่งไม่เคลื่อนไหวเท่าใดนัก”
ขณะที่ นายสมชาย หัชลีฬหา นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ตลาดขายตรงยอดขายหายไป 20% เพราะมีผู้ประกอบการขายตรงหลายรายที่ไปมุ่งเน้นช่องทางออนไลน์แต่ยังไม่ได้ทำการยื่นจดทะเบียนการทำธุรกิจแบบตรงกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) โดยที่ไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้มีความผิดจึงทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องหยุดการขายในช่องทางดังกล่าวชั่วคราว เพื่อรอดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนใหม่ให้ถูกต้องซึ่งคาดว่าทางหน่วยงานที่ดูแลต้องใช้เวลานานถึง 2 เดือน จึงจะออกใบอนุญาตได้
ประเด็นนี้ ในกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้แล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาระบุว่า หากธุรกิจใดที่ขายสินค้าทางเว็บไซต์ออนไลน์แล้วมีรายรับจากการขายปีละ 1.8 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องจดทะเบียนก่อนขาย เพราะไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมายและปรับวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะปิดกิจการหรือจดทะเบียนให้ถูกต้อง โดยผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตขายตรงแล้วยังต้องเข้ามาจดทะเบียนขายแบบตรงด้วย
โดยพบว่า มีบริษัทขายตรงรายใหญ่ไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้ยื่นจดทะเบียนการขายแบบตรงอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังมีอีกกว่า 90% จากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงทั้งหมด 1,196 บริษัท ที่ยังไม่ยื่นจดทะเบียน จึงคาดว่าอาจจะกระทบต่อภาพรวมตลาดขายตรงปี 60 ติดลบ 3 - 4% จากมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท
นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การทำตลาดของแอมเวย์ช่วงโค้งท้ายปี 2560 นี้ เพื่อผลักดันยอดขายรวมทั้งปี 2560 ให้มีประมาณ 18,000 ล้านบาท หรือเติบโต 5% จะเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. การออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องเน้นกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม 2. การส่งเสริมการขาย และ 3. การใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติงเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่
ทั้งนี้ แอมเวย์จะเปิดตัวสินค้าควบคุมน้ำหนัก บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์ ที่มาพร้อมกับนาฬิกาเพื่อสุขภาพ อินบอดี้ วอทช์ ทีทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่ได้ปรับปรุงใหม่ และเปิดตัวอาร์ทิสทรี อินเท็นซีฟ สกินแคร์ แอดวานซ์ วิตามินซี+เอชเอ ทรีทเมนท์ และเปิดตัวอาร์ทิสทรี ไฮดร้า-วี ซีรัม ผิวสดด้วยวิตามิน
ส่วนแคมเปญส่งเสริมการขายมุ่งเน้นเพิ่มยอดขายกลุ่มควบคุมน้ำหนัก ได้แก่ บอดี้คีย์ นิวทริไลท์ ซีแอลเอ 500 นิวทริไลท์ แคลโลว์ และนิวทริไลท์ กรีน-ที พลัส ซึ่งคาดว่าปีนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มควบคุมน้ำหนักจะมีรายได้กว่า 2,500 ล้านบาท ส่วนกลุ่มความงามจัดโปรโมชันตามโซลูชันการบำรุงผิวแต่ละประเภท ขณะที่ดิจิทัลมาร์เก็ตติงได้ตั้งทีมดิจิทัลขึ้นมาใหม่เพื่อรับผิดชอบด้านนี้โดยเฉพาะ เช่น การซื้อขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ คาดว่า สิ้นปีนี้มีจะมียอดสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณ 1,700 ล้านบาท หรือ 10% ของยอดขายรวม
นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นปี 2560 นี้ บริษัทจะรุกทำตลาดเต็มที่ ด้วยงบตลาด 10 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายรวมทั้งปีให้ได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โต 1 - 2% ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯทำยอดขายแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท
ล่าสุด กิฟฟารีนเปิดตัว กิฟฟารีน สเตย์-ซี 50 พลัส เบต้ากลูแคน แอนด์ ไฮยาลูรอน เฟเชียล มาสก์ ชีต ช่วยบำรุงผิว ที่ปรับปรุงใหม่ และเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “เป๊ก - ผลิตโชค อายนบุตร” และภาพยนตร์โฆษณาชุด “คุณหลวง 4.0” โดยใช้งบ 40 ล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนงบเป็น ออฟไลน์ 60% และออนไลน์ 40% ผ่าน Facebook : giffarineofficial Line: @giffarinethailand และการตลาดในรูปแบบของกิจกรรม และเกมออนไลน์