ผู้จัดการรายวัน 360 - “กันตาร์” ชี้คอนซูเมอร์โปรดักต์ฟื้นตัวกลับมาโต 2% รับปี 61 หลังปีนี้ตกต่ำสุดรอบ 10 ปี เฮ! สื่อดิจิตอลขึ้นแท่นอันดับ 2 เป็นรองแค่สื่อทีวี ปีหน้าไต่ระดับโตอีก 31.3% สู่ 15,475 ล้านบาท เหตุลูกค้าเมินเรตติ้ง เน้นแพลตฟอร์มทำเงิน “เฟซบุ๊ค-ยูทูป” ครองแชมป์เพิ่มโอกาสชอปออนไลน์สูงสุด
นายอิษณาติ วุฒิธนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ KWP เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนซูเมอร์โปรดักต์ปี 2560 นี้มีแนวโน้มเติบโตลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือโตเพียงแค่ 1% เท่านั้น สาเหตุจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้ลูกค้าชะลอแผนใช้เงินทำตลาด อีเวนต์โปรโมชันจึงลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ สินค้าในแต่ละหมวดทั้งโฮมแคร์ เพอร์เซอร์นัลแคร์ ล้วนตกหมด มีเพียงสินค้า 3-4 รายการเท่านั้นที่เติบโตได้อยู่ เช่น กะทิ และยากันยุง เป็นต้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าปีหน้าจะกลับมาโตได้ 2% จาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. หนี้ครัวเรือนลดลง 2. กำลังซื้อดีขึ้น 3. โปรโมชันส่งเสริมการขายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของทางกรุ๊ปเอ็มพบว่าเม็ดเงินโฆษณารวมปีนี้จบที่ประมาณ 91,195 ล้านบาท ติดลบ 7% ซึ่งมีเพียง 3 สื่อที่เติบโตคือ1. ทีวี 2. สื่อในโรงภาพยนตร์ 3. สื่อเอาต์ดอร์ และ 4. สื่อดิจิตอลทั้งหมดรวมกัน โดยเฉพาะสื่อดิจิตอลโตขึ้นกว่า 31.3% จาก 11,780 ล้านบาท เพิ่มเป็น 15,475 ล้านบาท ส่งผลให้สื่อดิจิตอลก้าวขึ้นมาเป็นสื่อที่มียอดการลงโฆษณาอยู่ในอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณารวม แทนที่สื่อหนังสือพิมพ์ที่ร่วงมาอยู่ในอันดับ 4 โดยอันดับ 3. คือ สื่อเอาต์ดอร์ มีมูลค่า 12,150 ล้านบาท และอันดับ 1 ยังคงเป็นสื่อทีวี มีมูลค่ากว่า 56,800 ล้านบาท
นายอิษณาติกล่าวต่อว่า พฤติกรรมการลงโฆษณาในสื่อทีวี เมื่อก่อนจะวัดกันที่เรตติ้ง เรตติ้งดีโฆษณาจะมาก แต่ปัจจุบันลูกค้าเริ่มมองหาแพลตฟอร์มต่างๆ ในการลงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพก่อให้เกิดการซื้อได้มากกว่า เพราะปัจจุบันเรตติ้งดี คนดูมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมียอดขายมากตามมา บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันเข้าถึงโลกออนไลน์สูงมาก ทำให้ทั้งสินค้าและช่องทางการขายต้องมีการปรับตัว และเลือกใช้สื่อหรือแพลตฟอร์มที่ส่งผลต่อยอดขายมากขึ้นแทน ส่งผลให้สื่อดิจิตอลเติบโตอย่างมาก
ทั้งนี้ เฉพาะกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ หรือ FMCG พบว่าการลงโฆษณาในแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก และยูทูปมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ 10% ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานในทั้งสองแพลตฟอร์ม ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง