“เพาเวอร์บาย-เพาเวอร์มอลล์”รุกหนัก ผุดนอกเครือ-โหมออนไลน์-ปูพรมสาขา

ผู้จัดการรายวัน360 – “เดอะมอลล์” ปลดล็อก สยายปีกโตนอกห้าง มุ่งจับมือพาร์ทเนอร์เจาะคอมมูนิตี้มอลล์ ล่าสุดส่ง “เพาเวอร์มอลล์”เอสบี ดีไซน์สแควร์ ประเดิมสาขาแรกที่เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ด้วยงบ 50 ล้านบาท ตั้งเป้าโกยรายได้ 300 ล้านบาทต่อปี ด้าน “เพาเวอร์บาย” รุกหนัก เพิ่มงบลงทุนปีหน้าอีกเท่าตัว ผุด 15 สาขาใหม่ จากปีนี้เปิดใหม่แค่ 6 สาขา พร้อมสยายปีกช่องทางออมนิแชนเนล ล่าสุดส่งออนไลน์คีออสก์ลงสาขา มั่นใจดันปีหน้าสัดส่วนการขายจากออนไลน์ 5% คาดยอดขายปีหน้าโต 10%

นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของเดอะมอลล์ พร้อมที่จะเติบโตด้วยการจับมือกับพันธมิตรหรือเช่าพื้นที่ ในการนำหน่วยธุรกิจสินค้าอื่นๆออกไปให้บริการ จากที่ได้เริ่มนำกูร์เม่ต์มาร์เก็ต ออกไปให้บริการภายนอกศูนย์การค้าเดอะมอลล์แล้ว หลังจากนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ และศักยภาพของหน่วยธุรกิจอย่าง บีเทรนด์, สปอร์ต มอลล์ ออกไปขยายสาขานอกศูนย์เช่นกัน รวมถึง เพาเวอร์มอลล์ ด้วย

*** “เพาเวอร์มอลล์” รุกนอกเครือ
ล่าสุดในเดือนธ.ค.2560นี้ เพาเวอร์มอลล์ พร้อมเปิดให้บริการนอกศูนย์การค้าเดอะมอลล์เป็นครั้งแรก โดยการจับมือกับทาง เอสบี ดีไซน์สแควร์ ด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาท เปิดให้บริการที่ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ บนพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร นำเสนอสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ชูในเรื่องของไลฟ์สไตล์เป็นหลัก มั่นใจว่าต่อปีจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทจากสาขานี้ หรือมียอดใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อครั้ง ใกล้เคียงกับที่สาขา สยามพารากอน

“การเปิดให้บริการเพาเวอร์มอลล์ที่ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ครั้งนี้ เนื่องจากมีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกัน และทำเลดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ที่อยู่อาศัยมีดีไซน์ หรือมียอดทราฟฟิกกว่า 60,000 คนต่อเดือน และการใช้จ่ายต่อบิลสูงถึง 40,000 บาทต่อครั้ง เชื่อว่าสินค้าที่จะได้รับความสนใจและมียอดขายสูงสุด คือ ทีวีไซส์ใหญ่ขนาด 60 นิ้วขึ้นไป ตู้เย็นขนาดใหญ่ และเครื่องซักผ้า รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กในครัวที่มีดีไซน์ ตามลำดับ”

ปัจจุบันเพาเวอร์มอลล์มี 11 สาขา แบ่งเป็นสาขาภายในศูนย์การค้ากลุ่มเดอะมอลล์ 10 สาขา และสาขาที่ 11 ล่าสุดคือที่ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ เป็นสาขานอกศูนย์ฯแห่งแรก ซึ่งหลังจากนี้จะเน้นขนายสาขานอกศูนย์ฯมากขึ้น โดยปีหน้ากำลังมองหาทำเลอยู่อีก 2-3 แห่ง ซึ่งจะเน้นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ และเช่าพื้นที่ ในกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ในกรุงเทพฯเป็นหลัก

นายจักรกฤษณ์ กล่าวต่อว่า การขยายสาขานอกศูนย์ฯจะช่วยในเรื่องการเติบโตของเพาเวอร์มอลล์ได้มากขึ้น หรือในปีหน้า(2561)คาดว่าจะมีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 7-8% จากสิ้นปีนี้(2560)มั่นใจว่าจะมีรายได้รวม 10,300 ล้านบาท โต 2-3% ซึ่งรายได้ของเพาเวอร์มอลล์ อยู่ในอันดับ3 ที่ทำรายได้ให้กับกลุ่มเดอะมอลล์

*** “เพาเวอร์บาย” โหมออมนิแชนเนล

นายโลร็องต์ โปซ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด เครือเซ็นทรัล เปิดเผยถึงแผนลงทุนในปีหน้า (2561) ว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าขยายธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งงบลงทุนไว้รวมประมาณ 650 ล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนรวม 300 ล้านบาทเท่านั้น โดยปีหน้างบประมาณ 2 ใน 3 ส่วนจะใช้ในการขยายสาขาใหม่ประมาณ 10-15 สาขา รวมทั้งการปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ ส่วนอีก 1 ใน 3 นั้นจะเป็นงบลงทุนด้านการพัฒนาด้านระบบไอที และแบ็กออฟฟิศต่างๆ

ทั้งนี้ ปีนี้ (2560) เปิดสาขาใหม่เพียง 6 สาขาเท่านั้น ปัจจุบันมีสาขา 88 แห่ง และล่าสุดได้เปิดที่เซ็นทรัลพลาซามหาชัย วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ และภายในเดือนธันวาคมจะเปิดอีก 2 แห่ง คือที่โรบินสัน กำแพงเพชร และที่ท็อปส์มาร์เก็ตวิลเลจ พิจิตร รวมสิ้นปีนี้จะมี 92 สาขา

สาเหตุที่ปีหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มเท่าตัว เนื่องจากมั่นใจว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยโดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ยังไม่เห็นมีปัจจัยลบอะไรที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งการเติบโตของคอนโดมิเนียมในเมืองและกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่มีจำนวนมากขึ้น มีไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ที่เป็นคอนโดมิเนียมมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มตามด้วย

อย่างไรก็ตาม นอกจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้รุกตลาดด้วยการขยายช่องทางออนไลน์เพื่อตอบรับโลกยุคดิจิตอล เพื่อให้การชอปปิ้งเป็นแบบไร้รอยต่อเชื่อมกันได้อย่างดีระหว่างออฟไลน์ที่เป็นร้านค้าปลีก กับออนไลน์ที่เป็นร้านในออนไลน์ ที่มีการพัฒนาในรูปแบบโททัล โซลูชัน เซอร์วิส

ในปีนี้บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบออมนิแชนเนล เพื่อให้ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ชอปออนไลน์ได้อย่างดี ประกอบด้วย 1. ออนไลน์คีออสก์ เครื่องให้บริการอัตโนมัติในรูปแบบมัลติ ฟังก์ชัน ไลฟ์ เซอร์วิส ซึ่งจะเปิดให้บริการประมาณ 10 สาขาทั่วประเทศ 2. เพาเวอร์บายคลิก แอนด์ คอลเลกต์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ฟาสต์ ฟรี อีสซี คือ รวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์เพาเวอร์บาย ฟรีค่าขนส่งไม่มีขั้นต่ำในการซื้อสินค้า

“ธุรกิจของเพาเวอร์บายยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของออฟไลน์และออนไลน์ที่ต้องเดินควบคู่กันไป ซึ่งล่าสุดนี้บริษัทได้เริ่มให้บริการชอปปิ้งออนไลน์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มลูกค้าเพราะเป็นช่องทางที่มีความสะดวกมาก และซื้อสินค้าได้ อีกทั้งยังมีการทำโปรโมชันทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปด้วยการเปิดตัวบิ๊กแคมเปญ ช้อปสุดชิล ฟินทุกเวลา ชอปครบ 1 หมื่นบาทรับคูปองเพาเวอร์บาย10,000 บาท ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-5ธ.ค.นี้” นายโลร็องต์กล่าว

อย่างไรก็ดี หลังจากจบแคมเปญดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะมียอดขายในช่องทางออนไลน์เติบโตไม่ต่ำกว่า 200% และมีสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ 5% ภายในสิ้นปี 2561 และในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้จากช่องทางออนไลน์สัดส่วน 10%

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 17,081 ล้านบาท เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าจะทำให้ยอดขายเพาเวอร์บายในส่วนที่เป็นออนไลน์ อี-คอมเมิร์ซ เติบโตได้ 10% และปีหน้าคาดว่ายอดขายรวมจะเติบโต 10%