ขสมก.อ้างรอคำสั่งศาลปกครองสั่งย้ายรถเมล์ NGV 83 คันออกจากพื้นที่ รฟม. ขณะที่ “เบสท์รินฯ” ยันย้ายรถออกไม่ได้เพราะโอนกรรมสิทธิ์รถเป็นของ ขสมก.แล้ว ระบุหาก รฟม.จะฟ้องเบสท์รินฯ ยินดีร่วมมือ ด้าน รฟม.อ่วม เลยกำหนดส่งพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับเหมาสายสีส้ม ค่าเสียหายเดือนละ 5 ล้านบาท
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ชี้แจงถึงกรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ให้ ขสมก.เร่งรัดเคลื่อนย้ายรถโดยสาร NGV ออกจากพื้นที่ของ รฟม.ว่า ขสมก.ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ 502,955/2560 คดีระหว่าง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) กับ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนหรือมีคำสั่งให้ บริษัท เบสท์รินฯ ขนย้ายรถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV จำนวน 83 คัน ออกจากพื้นที่ของ รฟม.เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางและศาลฯ ยังไม่มีคำสั่งแต่อย่างใด ซึ่งหาก รฟม.ประสงค์จะฟ้องคดีกับบริษัท เบทส์รินฯ ขสมก.ยินดีให้ความร่วมมือด้านข้อมูลเอกสารรวมถึงบุคลากรด้านกฎหมาย
ทั้งนี้ ขสมก.ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ขสมก.ได้ทำหนังสือถึง รฟม.เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ขอใช้พื้นที่ของ รฟม.บริเวณลานจอดรถ SV 6 เพื่อจอดรถยนต์โดยสารประมาณ 300 คันในการติดตั้ง GPS ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2559 (ครบกำหนดวันที่ 14 มกราคม 2560)
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2560 ขสมก.ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ให้ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัญญา และ ขสมก.ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัท เบสท์รินฯ ย้ายรถยนต์ออกจากพื้นที่ รฟม. เนื่องจาก รฟม.ต้องส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รวมจำนวน 4 ฉบับ คือ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560, วันที่ 14 มิถุนายน 2560 วันที่ 28 มิถุนายน 2560 และวันที่ 7 กันยายน 2560
แต่บริษัทฯ แจ้งว่าไม่อาจย้ายรถยนต์โดยสารออกจากพื้นที่ รฟม.ได้ เนื่องจากได้โอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์โดยสารเป็นของ ขสมก.แล้ว และมีคดีพิพาทอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง จึงต้องให้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ขสมก.จึงได้มีหนังสือแจ้งยืนยันให้บริษัทฯ ย้ายรถยนต์โดยสารออกจากพื้นที่ รฟม. อีกครั้ง
นอกจากนี้ ได้มีการนัดประชุม 3 ฝ่าย ระหว่าง ขสมก. บริษัทเบสท์รินฯ และ รฟม. เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2560 และวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เพื่อหาข้อยุติ แต่บริษัทฯ ไม่ยินยอมย้ายรถยนต์โดยสารออกจากพื้นที่ รฟม.
อย่างไรก็ตาม รฟม.ได้แจ้งว่า กรณีส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างล่าช้า จะมีค่าเสียหายวันละประมาณ 166,666.66 บาท หรือเดือนละ 5 ล้านบาท ซึ่งให้ ขสมก.ย้ายรถยนต์โดยสาร จำนวน 83 คัน ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2560 เนื่องจากต้องส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งตามกำหนดต้องส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สอบถามการใช้พื้นที่มายัง รฟม.โดยแจ้งว่าอาจจะต้องมีการเก็บค่าเช่าจาก ขสมก.อีกด้วย