กระทรวงอุตสาหกรรมหวังคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาท หลังคิงส์เกตฯ ยื่นให้ไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการจะเร่งสรุปแนวทางดำเนินการเพื่อนำเสนอ ครม. 7 พ.ย.นี้ คาดหวังจะใช้แนวทางการเจรจามากกว่าการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตฯ
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ต ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ถือประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร และเพชรบูรณ์ ยื่นให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแล้วนั้นล่าสุดคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าคณะและมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสรุปการดำเนินงานเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ภายในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยคาดหวังว่าจะเป็นการเจรจามากกว่าการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ
ทั้งนี้ บริษัทอัคราฯ มีความสนใจที่จะทำเหมืองแร่ต่อในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2516 ซึ่งเห็นได้จากการยื่นขอต่อใบอนุญาตประกอบโลหกรรมซึ่งยื่นก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการยื่นข้อมูลเพิ่มจากอัคราเช่นกัน ซึ่งการพิจารณาจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2516
นายรอส สมิธ-เคิร์ก ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ออกแถลงการณ์ว่าคิงส์เกตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทอัคราฯ ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) ว่า หลังจากใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว บริษัทฯ ไม่สามารถหาข้อยุติในการเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีเหมืองแร่ทองคำชาตรีถูกสั่งระงับการประกอบกิจการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น บริษัทฯ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการกับไทยภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อเรียกร้องให้มีการชดเชยค่าเสียหายอันมหาศาลที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน อันเกิดจากมาตรการของรัฐบาลไทย
“การเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการนั้นยังอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาหารือกันได้เพื่อหาข้อยุติ ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับข้อตกลง ณ เวลาใดก็ตาม ในระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายนี้ ซึ่งคณะกรรมการคิงส์เกตฯ เล็งเห็นว่ายังคงมีโอกาสในการได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางไทย และจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป” นายรอสกล่าว