กรมท่าอากาศยานเผยปรับปรุงสนามบินแม่สอดเร็วกว่าแผน เตรียมเปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่อย่างไม่เป็นทางการต้นปี 61 ส่วนการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด (EDS) วงเงินกว่า 435 ล้าน สนามบินกระบี่, สุราษฎร์ธานี, อุดรธานี พร้อมให้บริการ ต.ค. 60 ตามมาตรฐาน ICAO
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานแม่สอดว่า ขณะนี้การก่อสร้างเร็วกว่าแผนงาน และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ได้อย่างไม่เป็นทางการในช่วงต้นปี 2561 และจะปรับปรุงเสร็จเต็มและให้บริการได้เต็มรูปแบบในปี 2562
โดยการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ขนาด 12,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 600 คนต่อชั่วโมง หรือ 1.5 ล้านคนต่อปี เริ่มดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 กำหนดงานแล้วเสร็จภายใน 900 วัน งบประมาณ 447.6 ล้านบาท โดยความก้าวหน้าถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 คิดเป็น 71.58% ของปริมาณงานทั้งหมด เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 30.69% ซึ่งขณะนี้กรมท่าอากาศยานได้เตรียมความพร้อมในด้านอุปกรณ์และบุคลากรเพื่อรองรับการเปิดให้บริการของอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่
ส่วนงานก่อสร้างทางขับ ลานจอดอากาศยาน และเสริมผิวทางวิ่งเดิม ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมทางวิ่งจากเดิม ขนาด 30x1,500 เมตร ให้เป็นขนาด 45x1,500 เมตร และก่อสร้างไหล่ทางวิ่งทั้งสองข้าง ขนาดกว้าง 7.50 เมตร รวมถึงขยายทางขับงบประมาณ 297 ล้านบาท ผลงานถึงเดือนกันยายน 2560 คิดเป็น 72.92% ของปริมาณงานทั้งหมด
งานก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง จากเดิมขนาด 45x1,500 เมตร เป็น 45x2,100 เมตร เริ่มดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560-19 กุมภาพันธ์ 2562 งบประมาณ 368,723,100 บาท ถึงเดือนกันยายน 2560 มีความก้าวหน้า 0.11% ของปริมาณงานทั้งหมด
สำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารและอาคารประกอบ ขนาด 7,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 300 คน/ ชั่วโมง สัญญาเริ่มดำเนินการก่อสร้างวันที่ 31 มีนาคม 2560 งบประมาณ 338,388,888 บาท ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีความก้าวหน้า 0.5% งานก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน และอื่นๆ รองรับเครื่องบินขนาด 50-70 ที่นั่ง เช่นATR 72 จอดได้ 3 ลำ เริ่มดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาวันที่ 29 ตุลาคม 2559 งบประมาณ 1,316,732,396.16 บาท มีความก้าวหน้า 24% เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 13.06%
นอกจากนี้ ทย.ยังได้ดำเนินการด้านความปลอดภัย โดยจัดทำโครงการจัดหาพร้อมติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดแบบ (Explosive Detection System : EDS) พร้อมสายพานลำเลียงสัมภาระ ห้องควบคุม และอุปกรณ์ ในกรอบวงเงินงบประมาณเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 435.3 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการตรวจค้นสัมภาระลงทะเบียนที่ฝากไปกับอากาศยาน (Hold Baggage) ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญต่อการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยให้มีความรัดกุม และเป็นไปตามข้อกำหนดของแผนการรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อพึงปฏิบัติขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
โดยถึงวันที่ 20 กันยายน 2560 ท่าอากาศยานกระบี่ความคืบหน้า 91.18% เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 1.18%, ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีดำเนินงานได้ 71.95% และท่าอากาศยานอุดรธานีคืบหน้า 93.94% เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 3.94% โดยจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในเดือนตุลาคม 2560