xs
xsm
sm
md
lg

“แม็คกรุ๊ป” ปรับเกมหวังฟื้นโต 15% ลุยจัดทัพ-ควบร้าน-ลดสต๊อก ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ ด้านการเงินและบัญชี บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดการรายวัน 360 - “แม็คกรุ๊ป” จัดทัพองค์กร รื้อกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ หวังกลับมาเติบโต 15% ได้อีกในปีหน้า (2560) หลังจากปีนี้ต้องปรับลดเติบโตเหลือแค่ 3% เปิดแผนควบรวมร้าน ลดต้นทุน ส่วนตลาดพม่าต้องเข้าช่วยเอเยนต์จากเดิมเป็นแค่โฮลเซล ลดสต๊อกจาก 13 เดือนให้เหลือแค่ 6 เดือน ลุยตลาดใหม่อิหร่าน

นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี และนางเพียงขวัญ สีสุทธิโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผยว่า ปี 2560 นี้เป็นปีที่บริษัทฯ ได้ทำการปรับโครงสร้างองค์กร กลยุทธ์การทำธุรกิจต่างๆ เพื่อให้พร้อมในการรุกทำตลาดปีหน้า (2561) ได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อในภาพรวมจะดีขึ้น เพื่อที่จะกลับมาเติบโตได้อีก 15% เหมือนที่ผ่านมา

ขณะที่ปี 2560 นี้ได้ปรับเป้าการเติบโตลงเหลือเพียง 3% จากเดิมที่เมื่อช่วงต้นปีตั้งไว้ที่ 10% เนื่องจากเป็นช่วงการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ใหม่ จากปีที่แล้วมีรายได้รวม 4,485 ล้านบาท หรือเติบโต 15% ส่วนปี 2562 จะมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท (รวมรายได้สกินแคร์ 300 ล้านบาทด้วย) ซึ่งปีนี้เองทางสภาพัฒน์ฯ ก็ได้ประเมินว่า ภาคการค้าส่งเติบโตลดลง ส่วนภาคการค้าปลีกเติบโต 1-2%

โดยปีนี้ได้มีการเพิ่มบุคลากรระดับบริหารเข้ามามากขึ้น มีการวางระบบด้านไอที และออนไลน์มาร์เกตติ้ง การวางระบบด้านซีอาร์เอ็ม ซึ่งคาดว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จปีนี้และพร้อมในปีหน้า โดยเฉพาะแผนการเป็นออมนิแชนเนลที่จำหน่ายทุกช่องทาง ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้ว 60%

ขณะที่กลยุทธ์ธุรกิจนี้มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง โดยขณะนี้ธุรกิจหลักมี 2 อย่าง คือ ไลฟ์สไตล์ กับยีนส์ ส่งผลให้ช่องทางจำหน่ายที่เป็นร้านค้าหรือชอปของบริษัทต้องปรับเปลี่ยนไปด้วยเพื่อลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย บุคลากร การบริหาร และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำตลาดและการขายดีขึ้น คือ การรวมร้านแม็คยีนส์และร้านแม็คเลดี้ในทำเลที่ใกล้เคียงกันมาเป็นร้านเดียว และมีการนำสินค้าที่เป็นไลฟ์สไตล์เข้ามาเสริมด้วย ซึ่งได้ปรับไปแล้วประมาณ 10 กว่าแห่ง ปีหน้าจะทยอยปรับในสาขาที่สามารถทำได้ รวมทั้งการเปิดร้านที่จำหน่ายสกินแคร์และไลฟ์สไตล์เป็นหลักต่างหาก ซึ่งได้เริ่มทดลองบ้างแล้ว เช่น สาขามาร์เก็ตวิลลเจ กับสุวรรณภูมิ เป็นต้น

ปีนี้ตั้งงบลงทุน 70 ล้านบาท ใช้ขยายสาขา 50 ล้านบาท โดยเปิดใหม่ 15 สาขา และปรับสาขาเดิม เช่น การเพิ่มพื้นที่อีกกว่า 30 สาขา ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีมากกว่า 900 จุดขาย แบ่งเป็น ชอปสแตนด์อะโลน 290 จุดขาย เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า กว่า 200 จุดขาย และกว่า 500 จุดขายเป็นพื้นที่ขายในไฮเปอร์มาร์เกต บิ๊กซี เทสโก้โลตัส เป็นต้น ส่วนงบอีก 20 ล้านบาทลงทุนซีอาร์เอ็ม ไอที อีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ส่วนตลาดต่างประเทศได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ในตลาดพม่า จากเดิมเน้นการเป็นโฮลเซลหรือขายส่ง ขณะนี้ได้เข้าไปช่วยตัวแทนจำหน่ายคือกลุ่มเอชบีทีทำตลาด เป็นที่ปรึกษาการขยายสาขา การบริหารสต๊อก เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่มีสต๊อกมากถึง 13 เดือน ขณะนี้เหลือ 8 เดือน และคาดว่าสิ้นปีนี้จะปรับเหลือสต๊อกแค่ 6 เดือน

ส่วนตลาดใหม่คือ อิหร่าน เมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้แต่งตั้งกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ทำธุรกิจอาหารให้เป็นตัวแทนจำหน่าย เปิดไปแล้ว 2 สาขาที่เมืองคิดไอส์แลนด์ และสิ้นปีนี้จะเปิดที่กรุงเตหะราน ซึ่งอิหร่านเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี มีประชากรมากกว่า 80 ล้านคน รวมทั้งตลาดตะวันออกกลางที่คาดว่าจะเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ ทั้งนี้ รายได้จากตลาดต่างประเทศปีที่แล้วมีประมาณ 20 ล้านบาท หรือไม่ถึง 1% ของรายได้รวม

ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้า 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มยีนส์ สัดส่วน 70%, กลุ่มเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ยีนส์ สัดส่วน 20% แต่เติบโตมากกว่า 30% จะเน้นกลุ่มนี้มากขึ้น, กลุ่มนาฬิกา สัดส่วนรายได้ 8% และกลุ่มสกินแคร์ที่เริ่มเดือนพฤษภาคมปีนี้อย่างจริงจังสัดส่วน 2% แต่เป็นกลุ่มดาวรุ่ง นอกนั้นมีแผนจะขยายสินค้าไลฟ์สไตล์เพิ่มอีก รวมทั้งแนวทางการควบรวมกิจการโดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความน่าสนใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น