xs
xsm
sm
md
lg

“เจริญ” ดันค้าปลีกรุกอาเซียน ปั้น “บิ๊กซี” เจาะตลาดกัมพูชา-มาเลเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการ บริษัท  บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดการรายวัน - “เสี่ยเจริญ” ดันธุรกิจค้าปลีกลุยอาเซียน เล็งส่งบิ๊กซีตีตลาดกัมพูชา และมาเลเซีย ด้วยกลยุทธ์จับมือกับโลคัลพาร์ตเนอร์รายย่อย เชื่อช่วยการเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจในส่วนของกลุ่มค้าปลีกจะอยู่ภายใต้เครือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือบีเจซี ประกอบด้วย เอ็มพอยท์มาร์ท, เอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต, บีสมาร์ท และบิ๊กซี ซึ่งทางบริษัทฯ มีแผนธุรกิจที่จะเดินหน้ามุ่งการลงทุนค้าปลีกขยายสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในกัมพูชา และมาเลเซีย ภายใต้แบรนด์บิ๊กซี จากที่ปัจจุบันนี้ได้นำแบรนด์ค้าปลีกทั้งหมดเข้าไปอยู่ในประเทศไทย, เวียดนาม และ สปป.ลาว เป็นหลัก ภายใต้กลยุทธ์การจับมือกับโลคัลพาร์ตเนอร์รายย่อย

“การทำให้ธุรกิจของตนเองเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ปัจจัยหลักเป็นเรื่องของคู่ค้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งหากเป็นรายเล็กเห็นว่าจะแข็งแกร่งกว่ารายใหญ่ เนื่องจากจะรู้อุปสรรคและปัญหา เชื่อว่าจะมีคุณค่ามากกว่ารายใหญ่ หากฝึกตั้งแต่ต้นทางมาก็จะแข็งแกร่ง ดังนั้น การค้ากับรายย่อยต้องทำให้สามารถเดินไปด้วยกันได้ แบรนด์บิ๊กซีจึงได้เพิ่มแผนกเพื่อช่วยดูแลคู่ค้าให้ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการขยายสาขาของบิ๊กซีไปนอกประเทศไทยด้วย นับเป็นช่องทางหนึ่งของการสร้างคนใหม่เข้ามาในธุรกิจ หยุดเมื่อไหร่ก็เท่ากับถอย คนอื่นจะเดินหน้าอย่างเดียว คงไม่ได้” นายเจริญกล่าว

นายอัศวิน เตชะเจริญวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า สำหรับตลาดค้าปลีกในมาเลเซียมีโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนด้วยกาใช้แบรนด์บิ๊กซี ส่วนในกัมพูชาต้องยอมรับว่าตลาดมีคู่แข่งค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น จากเกาหลีใต้ และจากประเทศไทยเองก็ตาม ดังนั้น กลยุทธ์ที่จะเข้าไปลงทุนของบริษัทฯ จะต้องเข้าไปสร้างความแตกต่างจากที่มีอยู่เดิมในตลาดอยู่แล้วจึงจะสามารถแข่งขันได้

ส่วนการจะขยายธุรกิจในเวียดนามนั้นยังมองว่ายังมีศักยภาพ แต่คงต้องมาพิจารณาในรายละเอียดกันว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน เนื่องจากเวียดนามมีประชากรมากกว่า 90 ล้านคน มากกว่าเมืองไทย ปัจจุบันมีร้านสะดวกซื้อบีสมาร์ท 170 สาขา เป็นอันดับ 3 ขณะที่เอ็มเอ็ม มาร์เก็ต มี 19 สาขา และมั่นใจว่าทั้งสองธุรกิจจะมีโอกาสเติบโตได้มากกว่านี้แน่นอน

“บริษัทฯ ไม่ได้มองแค่ประเทศไทย แต่เป็นทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทุกประเทศต้องมีการทำธุกริจแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ขณะเดียวกันต้องมองเรื่องการลงทุนแล้วคุ้มค่า เนื่องจากบริษัทฯ ยังมีภาระหนี้สินอยู่ ไม่ได้มองว่าจะเปิดสาขาได้มากน้อยเท่าไหร่ แต่จะมองว่าเปิดแล้วจะเป็นการสร้างผลกำไรมากกว่า” นายอัศวินกล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น