xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” อัด 500 ล้านอุ้ม SMEs รับมือบาทแข็ง-เร่งสรรหา ผอ.สสว.คนใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บอร์ด สสว.” ที่มี “สมคิด” ทำหน้าที่ประธานแทนนายกฯ เคาะมาตรการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและส่งเสริมความรู้ให้เอสเอ็มอีในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนวงเงิน 500 ล้านบาท พร้อมแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อสรรหา ผอ. “สสว.” คนใหม่แล้ว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการทำหน้าที่ประธานประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ซึ่งเป็นการประชุมเฉพาะกิจแทนนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณปี 2561 จำนวน 1,007 ล้านบาทผ่าน สสว.ที่จะเป็นการช่วยยกระดับการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัพให้มีความเข้มแข็ง และล่าสุดได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้แก่ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนงบประมาณ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้มีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ สสว.คนใหม่ เนื่องจากนางสาลินี วังตาล ได้สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สสว.ลงแล้วในวันที่ 21 กันยายน 2560 โดยรายชื่อคณะอนุกรรมการสรรหาที่จะมีไม่เกิน 5 คนให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดฯ เป็นผู้พิจารณาแต่งตั้ง โดยให้นายชัยพร ชยานุรักษ์ รองผู้อำนวยการ รักษาการในตำแหน่ง ผอ.สสว.ต่อไปจนกว่าจะแต่งตั้ง ผอ.สสว.แล้วเสร็จ

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกกว่า 20,000 รายได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการเองไม่มีความรู้การประกันความเสี่ยงที่ผ่านมา นายสมคิดจึงหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สมาคมธนาคารไทย และ สสว.ที่จะช่วยเหลือ ที่ประชุมครั้งนี้จึงมีมติเห็นชอบในหลักการและงบประมาณ 500 ล้านบาทในการดำเนินงาน ซึ่งได้หารือกับสำนักงบประมาณเพื่อใช้เงินงบกลางดำเนินการ

ทั้งนี้ ธสน. และสมาคมธนาคารจะเป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดอบรม SME ที่ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เน้นการให้ความรู้โดยจะต้องจัดสัมมนาทั่วประเทศเรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ระยะแรกจะมีการมอบคูปอง มูลค่า 3 หมื่นบาทต่อรายให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs 5,000 รายที่เข้าอบรมและเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปซื้อ FX Options ขั้นพื้นฐานกับธนาคารที่เข้าร่วมดำเนินงานตามมาตรการฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนด

โดยคูปองดังกล่าวไม่สามารถซื้อขาย เปลี่ยนมือ แลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้ และสามารถใช้สิทธิ์เมื่อใดก็ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด และใช้ได้จนกว่าจะครบวงเงิน หรือหมดอายุ (เบื้องต้นกำหนดอายุของคูปองไว้ที่ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561) ซึ่งในระยะแรกจะเน้นเฉพาะ SMEs ที่เป็นผู้ส่งออกที่มียอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปี และเป็นสมาชิกของ สสว. โดยจะพิจารณาคัดเลือก SMEs ที่มียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปีเป็นลำดับแรก และผู้เข้าอบรมจะต้องเป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจเท่านั้น เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ความผันผวนของค่าเงินบาท

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งระบบ 3 ล้านรายเป็นเอสเอ็มอีมีศักยภาพส่งออกและนำเข้าสินค้าเพียง 20,000 ราย จึงกำหนดเป้าหมายให้ความรู้แก่เอสเอ็มอีเฟสแรก 5,000 ราย โดยเน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาทเป็นอันดับแรก ยอมรับว่าเอสเอ็มอีรายย่อยไม่ถึง 20% เห็นความสำคัญในการทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่เมื่อเงินบาทแข็งค่าและผันผวนต่อเนื่อง โดยไทยแข็งค่าถึง 7.4% สูงสุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน จึงเริ่มเห็นถึงความสำคัญจากค่าเงินบาท การจัดสัมมนาครั้งแรกเตรียมเชิญเอสเอ็มอีรายย่อยนับพันรายมาให้ความรู้เพิ่มเติม


กำลังโหลดความคิดเห็น