“อาคม” ตรวจโครงข่ายถนน จ.พระนครศรีอยุธยา รองรับท่องเที่ยวและท่าเรือ เชื่อมลอจิสติกส์ทางน้ำ ทช.เทงบกว่า 900 ล้านก่อสร้างถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองพร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มโครงข่ายเชื่อมสายเอเชีย แล้วเสร็จเปิดสัญจรแล้ว ด้าน ทล.ปรับปรุงถนน “นครหลวง-ท่าเรือ” งบกว่า 90 ล้าน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจโครงการก่อสร้างถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ทล.3467 ตอนนครหลวง-ท่าเรือ) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีการก่อสร้างเพื่อรองรับการขยายตัวและปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น
นายอาคมกล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก และเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ส่งผลให้มีปริมาณการจราจรสูงในพื้นที่เขตเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนและช่วงวันหยุดเทศกาลท่องเที่ยว รวมทั้งโครงข่ายคมนาคมที่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน คือ มีถนน ทล.309 (ถนนโรจนะ) เพียงเส้นทางเดียวที่เชื่อมกับทางหลวงแผ่นดินสายหลัก ทล.32 (ถนนสายเอเชีย) เพื่อเข้าออกตัวเมืองจากด้านทิศตะวันออกจนเกิดปัญหาการจราจรติดขัดในถนนสายดังกล่าวสะสม และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังพื้นที่ตัวเมือง
กรมทางหลวงชนบท (ทช.) จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าสู่พื้นที่เมืองด้านทิศใต้ช่วยแบ่งเบาภาระการจราจรบนถนนโรจนะและส่งผ่านการจราจรให้เข้าสู่ย่านชุมชนและเขตโบราณสถาน และแก้ปัญหาการจราจรของตัวเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ทช.ได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวถนนผังเมืองสาย ก เพื่อเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงแผ่นดินสายหลักสองฝั่งแม่น้ำและรองรับการพัฒนาเป็นวงแหวนตอนกลางด้านใต้เชื่อมต่อระหว่างสายทางหลวงแผ่นดินด้านทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า โครงการการก่อสร้างถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา มีค่าก่อสร้างรวมกว่า 900 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้สัญจรแล้ว โดยมีแนวสายทางเริ่มต้นที่ทางแยกจาก ทล.32 (ถนนสายเอเชีย ตอนบางปะอิน-นครสรรค์) ด้านซ้ายทางข้างศูนย์ราชการพระนครศรีอยุธยา แนวสายทางไปทางทิศตะวันตกข้ามทางรถไฟสายเหนือ บรรจบกับ ทล.3477 ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันออกในพื้นที่ตำบลเกาะเรียน จากนั้นก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปบรรจบถนน ทล.3469 ริมฝั่งแม่น้ำฯ ด้านทิศตะวันตกใกล้หมู่บ้านโปรตุเกส ในพื้นที่ต้าบลสำเภาล่ม ระยะทางรวม 4.629 กิโลเมตร ลักษณะโครงการแบ่งเป็น 2 สัญญา
สัญญาตอนที่ 1 ก่อสร้างถนนและสะพานข้ามทางรถไฟ จาก ทล.32-ทล.3477 งานก่อสร้างถนน คสล. ขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าในบริเวณชุมชนที่ กม. 0+030 - 0+700) และถนน คสล. ขนาด 4 ช่องจราจร พร้อมไหล่ทาง AC ในบริเวณนอกชุมชน กม.0+700 - 3+698) พร้อมงานก่อสร้างสะพาน คสล.ข้ามทางรถไฟสายเหนือ ขนาด 4 ช่องจราจร ผิว AC พร้อมทางเท้า ความยาว 380 เมตร ค่าก่อสร้าง 546.84 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้สัญจรแล้ว
สัญญาตอนที่ 2 ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จาก ทล.3477-ทล.3469 พร้อมก่อสร้างสะพาน คสล.ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 4 ช่องจราจร ผิว AC ทางเท้า ความยาว 382 เมตร ค่าก่อสร้าง 358.46 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้สัญจรแล้ว
****ทล.ปรับปรุงถนน “นครหลวง-ท่าเรือ” งบกว่า 90 ล้าน
ส่วนโครงการขยายและปรับปรุงทางหลวงริมแม่น้ำป่าสักเป็นถนนคอนกรีต บนทางหลวงหมายเลข 3467 ตอนนครหลวง-ท่าเรือ กรมทางหลวง (ทล.) ได้ดำเนินโครงการจ้างเหมา งบประมาณ 90,880,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 เพื่อปรับปรุงจากผิวทางแอสฟัสต์เป็นผิวทางคอนกรีต ขนาด 2 ช่องจราจร ตอนนครหลวง-ท่าเรือ ระหว่าง กม.0+000.000 - 9+400.000 ระยะทางยาวประมาณ 9.400 กิโลเมตร มาตรฐานทางขนาด 2 ช่องจราจร ผิวทางคอนกรีต หนา 28 เซนติเมตร กำหนดแล้วเสร็จในปี 2561
โดยเป็นการปรับปรุงก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยปรับปรุงผิวทางเดิมจากผิวแอสฟัลต์คอนกรีตเปลี่ยนเป็นผิวคอนกรีตซึ่งมีความหนา 28 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งการ์ดเรลและติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกิ่งเดี่ยว ความสูง 9.00 เมตร ทั้งนี้ ระหว่างดำเนินโครงการฯ พบปัญหารถบรรทุกวิ่งในสายทางเป็นจำนวนมาก ทำให้พื้นที่การทำงานแคบและไม่สะดวก ซึ่ง ทล.ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการฯ เชิญผู้ประกอบการ และหน่วยงานในพื้นที่ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาจราจร รวมทั้งแนะนำให้ผู้ใช้ถนนหลีกเลี่ยงการก่อสร้าง
เมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี 2561 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสายทาง รองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าและลอจิสติกส์ระหว่างทางถนนกับการขนส่งทางน้ำตลอดลำน้ำป่าสัก ซึ่งมีท่าเรือขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก ช่วยเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากท่าเรือมายังทางหลวงหมายเลข 33 ทางหลวงสายเอเชียและเชื่อมโยงไปยังจังหวัดสระบุรีและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ