xs
xsm
sm
md
lg

“สเตเดียมวัน” เร่งสรุปผู้เช่าเปิด พ.ย. ดึงแบรนด์ดังเปิดแฟลกชิปสโตร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สเตเดียมวัน
ผู้จัดการรายวัน 360 - “สเตเดียมวัน” เตรียมเปิดบริการพฤศจิกายนนี้ มั่นใจดึงคนเข้าศูนย์ได้มากกว่า 10,000 คนต่อวัน เผยมีผู้เช่าพื้นที่แล้วกว่า 70% คุยร้านค้าผุดแฟลกชิปสโตร์หลายแบรนด์ มั่นใจจะสรุปการเจรจาอีกกว่า 50-60 รายได้ทัน พ.ย.นี้

นายถนอมเกียรติ สัมมาวุฒิชัย กรรมการบริหารโครงการสเตเดียมวัน บริษัท เดอะ สปอร์ต โซไซตี้ จำกัด เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีความคืบหน้ามากแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จทันเปิดบริการในเดือนพฤศจิกายน 2560 แน่นอน และคาดว่าจะสามารถดึงคนเข้าโครงการดังกล่าวเมื่อเปิดบริการสมบูรณ์แบบประมาณ 10,000 คนต่อวัน และจะกลายเป็นแลนด์มาร์กด้านกีฬาแห่งใหม่ของไทยได้ทันที คาดว่าคืนทุนภายใน 3 ปี

โครงการสเตเดียม วัน ตั้งอยู่บนถนนพระราม 1 ตัดกับถนนบรรทัดทอง พื้นที่ 10 ไร่ พื้นที่บริการรวมกว่า 20,000 ตารางเมตร เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับกีฬานานาชนิด ทั้งสินค้า อุปกรณ์ เสื้อผ้า บริการ ร้านกีฬา และที่เกี่ยวกับกีฬาต่างๆ ประกอบด้วยร้านค้าปลีก 129 ยูนิต พื้นที่ 5,000 ตารางเมตร ยังมีลานกิจกรรมอีกกว่า 2,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 6 โซนหลัก คือ โซนค้าปลีก โซนวิ่งและปั่นจักรยาน โซนร้านค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬาทุกประเภท โซนอาหารและเครื่องดื่ม โซนเพื่อสุขภาพ โซนเกี่ยวกับครอบครัว จอดรถได้ 700 คัน เช่าพื้นที่จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อายุสัญญาเช่านาน 7 ปี มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท
สเตเดียมวัน
“ตัวเลขการจับจ่ายสินค้าด้านสุขภาพและกีฬาของคนไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 2-3 ปีมานี้เติบโตต่อเนื่องปีละ 8% เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้ตลาดสินค้าและบริการด้านกีฬาเติบโตตามไปด้วย โดยคาดว่าตลาดรวมสินค้ากีฬามีประมาณ 160,000 ล้านบาท โต 8-10% แบ่งเป็นตลาดอุปกรณ์กีฬาประมาณ 38,000 ล้านบาท เติบโต 10% ที่เหลือเป็นตลาดกลุ่มอีเวนต์กีฬา เสื้อผ้ากีฬา เป็นต้น” นายถนอมเกียรติกล่าว

ขณะนี้มีผู้เช่าพื้นที่แล้วกว่า 70% ทั้งแบรนด์สินค้า อุปกรณ์กีฬา ฟิตเนส ยิมต่างๆ เช่น แบรนด์วอร์ริกซ์เปิดเป็นแฟลกชิปสโตร์ พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร เป็นออฟฟิศเชียลสโตร์แห่งแรกในไทย แบรนด์มิซูโนที่เปิดร้านแบบแฟลกชิปสโตร์ เอสซีจีเอ็กซ์เพรส ที่ร่วมทุนกับยามาโตะกรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นให้บริการระบบขนส่ง และร้านอาหารอีกไม่ต่ำกว่า 7 แบรนด์ ทั้งฟาสต์ฟูดและแบรนด์ของคนไทย อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้สนใจอีกกว่า 50 ร้านค้า ซึ่งถ้าหากสรุปการเจรจาได้ก็จะทำให้โครงการมีความคืบหน้าด้านการเช่าพื้นที่แล้วกว่า 90% โดยแยกเป็น แบรนด์ขนาดเล็ก 20% แบรนด์ขนาดใหญ่ 30% อาหารและเครื่องดื่ม 15% ที่เหลืออื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น