“แอร์พอร์ตลิงก์” โอด ผู้โดยสารโตกระฉูด วันละกว่า 7-8 หมื่นคนแล้วแต่มีรถน้อยทำให้บริการไม่สะดวก วอนฝ่ายนโยบายเร่งตัดสินใจซื้อรถใหม่ 7 ขบวน หวั่นอีก 2 ปี รถเก่าต้องเข้ารอบซ่อมบำรุงใหญ่อีก อาจวิกฤตได้ พร้อมเร่งประมูลปรับปรุงระบบตั๋วร่วม 110 ล้าน เสร็จกลางปี 61 ด้าน “โคอะ-ฉะ มีเดีย” จับมือ SME ดึงเข้าพื้นที่เชิงพาณิชย์ทุกสถานี
นายวิสุทธิ์ จันมณี กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การซ่อมบำรุงใหญ่ (overhaul) รถไฟฟ้าเสร็จแล้ว 2 ขบวน จากทั้งหมด 9 ขบวน คาดว่าจะดำเนินครบทั้งหมดในเดือน มี.ค. 2561 ซึ่งจะทำให้รถมีศักยภาพในการให้บริการต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี หรือจนกว่าจะครบรอบวิ่ง 3.6 ล้าน กม.จะเข้าวงรอบซ่อมบำรุงใหญ่อีก แต่เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมีอัตราการเติบโตสูง เฉลี่ย 7-10% ต่อปี โดยปัจจุบันวันธรรมดามีผู้โดยสารเฉลี่ย 7 หมื่นคน วันศุกร์ 7.5 หมื่นคน และบางวันมีสถิติสูงสุดถึงกว่า 8 หมื่นคน ซึ่งเกินขีดความสามารถในการรองรับของรถทั้ง 9 ขบวน แม้ว่าจะมีการปรับปรุงภายในรถไฟฟ้าด่วน (express line) 4 ขบวนเป็นรถธรรมดา ซึ่งทำให้เพิ่มขีดรองรับผู้โดยสารรวมจาก5 หมื่นคนเป็น 7 หมื่นคน/วันแล้วก็ตาม
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มขบวนรถเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และไม่ให้กระทบต่อการให้บริการ โดยเห็นว่าฝ่ายนโยบายควรเร่งตัดสินใจในการจัดซื้อรถไฟฟ้า 7 ขบวน วงเงินกว่า 4.4 พันล้านบาท ในช่วงนี้ เพื่อให้มีรถใหม่เข้ามาเสริมในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากการจัดซื้อต้องใช้เวลาในการผลิต โดยระหว่างนี้จะใช้วิธีการบริหารจัดการโดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน เช้าและเย็น จัดรถที่ความถี่ 10 นาที/ขบวน และมีรถเสริมเช้า หัวหมาก-พญาไท เป็นต้น เพราะผู้โดยสารแน่นมาก ต้องตัดขบวนที่สถานีหัวหมาก รวมถึงสต๊อกอะไหล่ และจัดจ้างแบบเหมาในการดูแลระบบอาณัติสัญญาณอย่างใกล้ชิด เพราะผู้โดยสารเกินขีดคองรับไปแล้ว
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประกวดราคา e auction เพื่อจัดหาผู้ติดตั้งประตูกั้นชานชาลา 7 สถานี วงเงิน 200 ล้านบาท โดยมีผู้ยื่นประมูล 4 ราย จะสรุปผลในเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเดือน ม.ค. 2561 ใช้เวลา 18 เดือน พร้อมกันนี้จะเร่งการจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งบันไดเลื่อนที่สถานีพญาไท ให้แล้วเสร็จในปี 2561
ส่วนการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับการให้บริการตั๋วร่วมนั้นอยู่ระหว่างร่างทีโออาร์เพื่อเร่งประมูลภายในปีนี้ โดย ร.ฟ.ท.ตั้งงบประมาณปี 2561 จำนวน 110 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงซอฟต์แวร์และเครื่องอ่านบัตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2561
น.ส.พชรพร พนมเขต กรรมการผู้จัดการบริษัท โคอะ-ฉะ มีเดีย (ประเทศไทย) ผู้รับสัมปทานการบริหารจัดการพื้นที่ โฆษณาและพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้พัฒนาพื้นที่แล้ว 70-80% โดยมีสถานีสุวรรณภูมิ, พญาไท ที่พัฒนาได้เต็ม 100% ส่วนสถานีอื่น เฉลี่ย 50% เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารยังไม่มาก เช่น บ้านทับช้าง เห็นว่าจำนวนรถที่มีน้อย ทำให้ผู้โดยสารไม่สะดวก และต้องรอรถนาน ซึ่งบริษัทใช้วิธีร่วมทุนกับ SME เพื่อลดต้นทุนในการเข้ามาพัฒนาพื้นที่ร้านค้า และหารูปแบบร้านค้าที่เหมาะกับผู้โดยสารมากขึ้น คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีที่10 ซึ่งครบสัญญาพอดี โดยบริษัทฯ ได้ชำระค่าแรกเข้าให้ ร.ฟ.ท. ตั้งแต่ทำสัญญา 150 ล้านบาท และจ่ายผลตอบแทนประมาณ 10 ล้านบาท/ปี