ผู้จัดการรายวัน 360 - “เชียงการีล่ากรุ๊ป” เคลื่อนพล จ่อปั้นแบรนด์ใหม่ลุยตลาดปิ้งย่างบุฟเฟต์ พร้อมรุกคืบคอนวีเนียนสโตร์รายใหญ่เจรจาขยายช่องทางจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ เตรียมแผนลงทุนขยายกำลังผลิต หวังขายทั้งปีไม่แค่เทศกาล ชี้ตลาดรวมมูนเค้กปี 2560 นี้ทรงตัว
นายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีล่า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจร้านอาหารเพิ่มอีกแบรนด์ เพื่อเจาะตลาดอาหารปิ้งย่างสไตล์บุฟเฟต์ในช่องทางสแตนด์อะโลนเป็นหลักที่ไม่ใช่ใจกลางเมือง เจาะกลุ่มกลางขึ้นบน คาดว่าจะต้องลงทุนอย่างต่ำ 10-15 ล้านบาท พื้นที่อย่างต่ำ 50 โต๊ะ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาทำเล เบื้องต้นสนใจทำเลย่านพระรามเก้า กับ พุทธมณฑล เพื่อรองรับความต้องการของตลาดปิ้งย่างแบบบุฟเฟต์ที่มีการเติบโตมาก และสร้างการเติบโตขององค์กรด้วย
ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือ ประกอบด้วย ภัตตาคารเชียงการีล่า 3 สาขา ที่สีลม ธนิยะและเยาวราช, เชียงการีล่าโกลด์ที่ธัญญาปาร์คศรีนครินทร์, มิรากุ สุกี้ฮ่องกง 1 สาขา, มิรากุปิ้งย่าง 1 สาขา และเชียงการีล่าคิทเช่น 1 สาขา ซึ่งมิรากุปิ้งย่างที่ทำอยู่นั้นก็ได้รับการตอบรับดี แต่พื้นที่มีจำกัด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารในภาพรวม รวมทั้งบริษัทด้วย รายได้ลดลงตามสภาพ รวมทั้งการแข่งขันในตลาดร้านอาหารด้วยที่แข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น แต่ทั้งนี้สถานการณเริ่มดีขึ้นจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งทัวร์เริ่มกลับมาบ้างแล้ว อีกทั้งเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งจะเป็นช่วงที่เริ่มมีเทศกาล โดยคาดว่าปี 2560 นี้รายได้รวมของบริษัทฯ จากธุรกิจอาหารจะอยู่ที่ 80-90 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2559 ปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 90 ล้านบาท และไม่เติบโตเช่นกันเมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งทำให้ต้องมีการจัดโปรโมชันด้านราคาเป็นเซต และการหาเมนูใหม่ๆ มาบริการเพื่อกระตุ้นยอดขาย
**** รุกคอนวีเนียนสโตร์ขยายมูนเค้ก
นายบัญชากล่าวต่อถึงธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์ด้วยว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์เพื่อให้มีโอกาสในการทำตลาดและจำหน่ายยาวทั้งปี จากเดิมจะมีหน้าขายเพียงแค่ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ 2 เดือนเท่านั้น คือกันยายนถึงตุลาคม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องเสนอไปยังผู้ค้าปลีกในกลุ่มคอนวีเนียนสโตร์รายใหญ่ 2-3 ราย เพื่อที่จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ทั้งนี้ยังไม่มีการสรุปการเจรจา คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งอาจจะสรุปประมาณปีหน้าได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีขนมไหว้พระจันทร์บางแบรนด์เข้าไปขายในคอนวีเนียนสโตร์รายใหญ่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายช่องทางคอนวีเนียนสโตร์นี้อาจจะต้องมีการทำการผลิตพิเศษจากเดิม เช่น ขนาดต้องเล็กลง จำนวนไส้อาจจะต้องคัดบางไส้ไปจำหน่าย และการทำแพกเกจจิ้งต้องดึงดูด เพราะการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่นี้เพื่อต้องการขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วย คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาเคยเข้าไปขายในร้าน 108 ชอป แต่ปัจจุบันได้หยุดชั่วคราวก่อน เพราะ 108 ชอปมีการเปลี่ยนแปลงเป็นร้านลอว์สัน 108
เบื้องต้นบริษัทฯ วางแผนรองรับแล้ว เตรียมที่จะขยายการผลิตที่โรงงานเดิมที่สมุทรปราการ งบขั้นต่ำอยู่ที่ 5 ล้านบาท ขั้นต่ำต้องมีกำลังผลิตประมาณ 15 ล้านชิ้นต่อปีจึงรองรับจำนวนสาขาของคอนวีเนียนสโตร์ได้ เพราะหากบรรลุข้อตกลงอย่างน้อย 2 แบรนด์ใหญ่ก็เท่ากับมีช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าหมื่นกว่าจุดขายแล้ว จากปัจจุบันมีการผลิตแบรนด์ของเราเอง และรับจ้างผลิตให้กับโรงแรม ร้านอาหาร และค้าปลีกแบรนด์อื่นๆ จำนวนมาก แต่ก็เฉพาะในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เท่านั้นเอง ส่วนการผลิตหลักคือ ขนมแต้จิ๋ว ขนมเปี๊ยะ เป็นต้น
สำหรับตลาดขนมไหว้พระจันทร์มูลค่ากว่า 700-900 ล้านบาท ในปี 2560 นี้คาดว่าจะมีปริมาณ 7 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งปีที่แล้วตลาดรวมตกลง 3% เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่คาดว่าปีนี้น่าจะทรงตัวเดิม หรือไม่ก็เติบโตเล็กน้อยแค่ 1-2% เท่านั้น โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ทำตลาดเช่นเดิมไม่กี่แบรนด์ โดยเชียงการีล่าเป็นผู้นำตลาด ติดท็อปทรี
ปีนี้บริษัทฯ ทำขนมไหว้พระจันทร์ทั้งขายเองและรับจ้างผลิตรวมประมาณ 5 แสนชิ้นเท่านั้นใกล้เคียงปีที่แล้ว รวม 13 ไส้ปีนี้ ซึ่งไส้พิเศษที่เพิ่มมาคือ ช็อกโกแลตคัสตาร์ด ทุเรียน ส่วนไส้ที่หยุดผลิตคือ ไส้กาแฟ ส่วนไส้หลักๆ ก็ยังคงอยู่ เช่น ไส้ทุเรียนหมอนทอง ลูกบัว โหงวยิ้ง เป็นต้น ส่วนราคาปีนี้มีการปรับขึ้นเฉลี่ย 3 บาทต่อชิ้น ซึ่งที่มากที่สุดคือ ไส้ทุเรียนหมอนทอง ปรับขึ้น 4 บาทต่อชิ้น ขนาด 170 กรัม ซึ่งน้อยกว่าแบรนด์อื่นที่บางแบรนด์ปรับขึ้นถึง 10 บาทต่อชิ้นก็ยังมีเนื่องจากวัตถุดิบราคาสูงขึ้น โดยไส้หมอนทองถือเป็นไส้ที่มีสัดส่วนตลาดใหญ่สุดมากกว่า 3-4 ล้านชิ้น หรือเกือบ 50% ของตลาดรวม
จุดขายของบริษัทฯ นอกจากผ่านร้านอาหารในเครือแล้ว ยังมีอีกประมาณ 50 จุดที่บริษัทฯ มีพนักงานไปขายเอง นอกนั้นก็เป็นที่อื่นที่ไปวางจำหน่ายเท่านั้น จึงมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้นเพื่อขยายตลาด