xs
xsm
sm
md
lg

“บ๊อช” พัฒนา IoT รอบด้าน เผยแผน 5 ปีปั้นเทคโนฯ AI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ “บ๊อช ประเทศไทย”
ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มบริษัทบ๊อชโวเป็นผู้นำระดับโลกด้าน IoT ครบวงจร เผยใช้กลยุทธ์ 3 ส่วนขับเคลื่อนครบวงจร ทั้งด้านบริการ, ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ควบคุมด้วยระบบเซ็นเซอร์ เผยเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ได้ถึง 50% ของทั้งหมด คาดจะเชื่อมต่อได้ทั้งหมดในเร็วๆ นี้ เตรียมแผนลงทุน 5 ปี ใช้งบ 300 ล้านยูโร พัฒนาเทคโนโลยี AI หวังให้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่มีส่วนช่วยสร้างรายได้เป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวม

นายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ “บ๊อช ประเทศไทย” ในกลุ่มบริษัทบ๊อช ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบ๊อชมีการใช้งบประมาณ 10% ของรายได้รวม หรือประมาณ 7 พันล้านยูโร เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ โดยให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IoT) จนปัจจุบันถือได้ว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้าน IoT โดยเน้นการใช้กลยุทธ์การขับเคลื่อนครบวงจรทั้ง 3 ด้าน คือ การให้บริการ (Services) การพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software) และการพัฒนาอุปกรณ์เซ็นเซอร์ (Censors)

จากกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มบริษัทบ๊อชสามารถเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี IoT ได้ถึง 50% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใน 22 ไอเท็ม คิดเป็นจำนวนมากกกว่า 5 พันรายการที่มีการจดลิขสิทธิ์ในแต่ละปี โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเชื่อมต่อด้วย IoT ภายในอนาคตอันใกล้ เพื่อนำไปสู่การเป็นพันธมิตรธุรกิจครอบคลุม 5 ด้าน คือ ยานยนต์ (Connected Mobility) อุตสาหกรรม (Connected Industry) เกษตรกรรม (Smart Agriculture) บ้านพักอาศัย (Smart Home) และเมือง (Smart City)

ล่าสุด “บ๊อช ประเทศไทย” ได้จัดแสดงเทคโนโลยี IoT ภายในงาน Bosch Innovation House ด้วยแนวคิด “บ๊อช IoT : Totally Connected” เพื่อแสดงให้ผู้ร่วมงานและสนใจเห็นว่าเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อช่วยพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละธุรกิจได้อย่างไร โดย “บ๊อช” มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อยานพาหนะ อุตสาหกรรมต่างๆ การเพาะปลูก บ้านพักอาศัย และเมืองเข้าด้วยกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยการออกแบบการเข้าถึงระบบควบคุมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ทั้งยังรวบรวมผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ในซัปพลายเชนเดียวกันโดยอัตโนมัติ

นายโจเซฟกล่าวด้วยว่า ในปีการเงิน 2559 กลุ่มบริษัทบ๊อชทั่วโลกมีรายได้รวมรวมทั้งสิ้น 7.31 หมื่นล้านยูโร แบ่งสัดส่วนรายได้จาก 4 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มโซลูชันแห่งการขับเคลื่อน (เทคโนโลยียานยนต์) 4.39 หมื่นล้านยูโร คิดเป็น 60% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 1.76 หมื่นล้านยูโร คิดเป็น 24% กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 6.3 พันล้านยูโร คิดเป็น 9% และกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร 5.2 พันล้านยูโร คิดเป็น 7% ส่วนการดำเนินงานในประเทศไทยมีรายได้รวม 305 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.19 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 10% ถือเป็นตลาดที่สร้างรายได้สูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกัน 4 ปี โดยมีสัดส่วนรายได้จากหน่วยธุรกิจต่างๆ ใกล้เคียงกับรายได้รวมในตลาดโลก

สำหรับปี 2560 กลุ่มบริษัทบ๊อชตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายประมาณ 3-5% อันเป็นผลมาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกที่ยังซบเซา รวมถึงความผันผวนทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ แต่ยังจะมีการลงทุนต่อเนื่องเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับผลตอบแทนในอนาคต โดยให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยีการขับเคลื่อน, IoT และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI)

“มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2563 จะมีผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 50 ล้านชิ้นที่เชื่อมต่อด้วยระบบ IoT กลุ่มบริษัทบ๊อชจึงกำหนดแผนลงทุนในระยะเวลา 5 ปีด้วยงบประมาณ 300 ล้านยูโร เพื่อพัฒนาศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ของกลุ่มบริษัทบ๊อชทั้ง 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ให้สามารถสร้างรายได้เป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวม” นายโจเซฟกล่าวในตอนท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น