ผู้จัดการรายวัน 360 - ร้านทอง “ออโรร่า” โชว์รายได้ปี 59 สูงถึง 3.5 พันล้านบาท คาดเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท พร้อมขยายสาขาเป็น 200 แห่งในปี 60 เตรียมแผนเพิ่มเป็น 500 แห่ง พ่วงรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 62 ย้ำภาพผู้นำตลาดทองโมเดิร์นเทรด เผยสร้างความต่างในตลาด แตกไลน์เครื่องประดับเพชร “ออโรร่า ไดมอนด์” ขายคู่ทองคำรูปพรรณในร้านเดียวกัน 172 สาขาจาก 181 สาขา พร้อมเพิ่มร้านแสตนด์อะโลน 20 แห่งในปี 61 หวังทำยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 40%
นายอนิพัทธ์ ศรีรุ่งธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจทองคำรูปพรรณ เปิดเผยว่า ทองคำรูปพรรณถือเป็นเครื่องประดับที่คนไทยนิยมมากที่สุดทั้งยังถือเป็นการออมเงินในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปัจจุบันมีร้านค้าจำหน่ายทองรูปพรรณประมาณ 2-3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของร้านค้าจำหน่ายทองรูปพรรณผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ทั้งในห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เกต มีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ในส่วนของ “ออโรร่า” ปัจจจุบันดำเนินธุรกิจมาแล้ว 40 ปี ทั้งยังถือเป็นห้างเพชรทองรายแรกของประเทศไทยที่ทำตลาดผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดเมื่อปี 2529 จนปัจจุบันมีสาขามากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 181 แห่งในพื้นที่ 33 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 500 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทในปี 2558 และ 3.5 พันล้านบาทในปี 2559 โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทในปี 2561 ขณะเดียวกันยังมีลูกค้าสมาชิกทั้งสิ้นประมาณ 5 แสนราย คิดเป็นลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำทุก 3 เดือนประมาณ 1 แสนราย
ในปี 2560 “ออโรร่า” มีแผนขยายสาขาเป็น 200 แห่ง โดยในปี 2561 ยังจะขยายสาขาเพิ่มอีก 30 แห่ง ใช้เงินลงทุนรวมต่อสาขาประมาณ 5 ล้านบาท พร้อมกันนั้นยังจะใช้เงินทุนอีก 80 ล้านบาทในการตกแต่งสาขาเก่า 30 แห่ง พร้อมเริ่มทำตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่พัฒนาระบบขึ้นมาด้วยงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายทำยอดขายในปี 2561 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมเพิ่มสาขาเป็น 500 แห่งในปี 2562
“ปัจจัยหลักส่วนหนึ่งที่ทำให้ออโรร่ามียอดขายเติบโต คือ การร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินจัดโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 3-6 เดือนมาตั้งแต่ปี 2559 โดยในปีนี้ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้วประมาณ 3 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันมีการออกแบบทองคำรูปพรรณรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าประมาณ 300-500 เอสเคยู ขณะเดียวกันยังมีจุดแข็งในเรื่องการออกใบรับประกันมาตรฐานสินค้าและประกันราคารับซื้อคืนสูงเท่าราคาสมาคมค้าทองคำกำหนดเช่นเดียวกับร้านทองย่านเยาวราช ตลอดจนมีระบบสมาชิกเพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ” นายอนิพัทธ์ กล่าวในตอนท้าย
ด้าน น.ส.ลภัสรดา ฤดีวรางค์กูร ผู้อำนวยการธุรกิจเพชร บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เห็นช่องทางการตลาดและศักยภาพการจับจ่ายของผู้บริโภคจึงแตกไลน์ธุรกิจเครื่องประดับเพชรภายใต้แบรนด์ “ออโรร่า ไดมอนด์” เพื่อจำหน่ายควบคู่กับทองคำรูปพรรณภายในร้านเดียวกันซึ่งถือเป็นการสร้างความต่างในตลาดซึ่งเป็นการจำหน่ายทองคำรูปพรรณ หรือเพชรอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงประเภทเดียว โดยปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 300 เอสเคยู เริ่มจำหน่ายในร้าน “ออโรร่าแล้ว 172 สาขาจากทั้งหมด 181 สาขา นอกจากนั้นยังมีการจำหน่ายผ่านร้านแสตนด์อะโลนในลักษณะเคาน์เตอร์ หรือคีออสก์ในช่องทางโมเดิร์นเทรด 9 สาขาคือ เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ บางแค, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เทสโก้ โลตัส สาขาพระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, ชลบุรี, บ่อวิน, ระยอง และจันทบุรี โดยแต่ละสาขาใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 10 ล้านบาท ทั้งยังมีแผนขยายสาขาสแตนด์อะโลนเพิ่มเป็น 20 แห่งในปี 2561
ตลาดเครื่องประดับเพชรในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 20% โดยในส่วนของ “ออโรร่า” หลังจากทำตลาดได้ประมาณ 5 ปีมีการเติบโตปีละ 40-50% จาก 200 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มเป็น 512 ล้านบาทในปี 2559 โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 620 ล้านบาทในปี 2561 โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านบาทในปี 2561 ก่อนเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทในปี 2562 และ 1.2 พันล้านบาทในปี 2563 โดยคาดว่าจะช่วยทำให้มียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 40%
น.ส.ลภัสรดากล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำตลาด “ออโรร่า ไดมอนด์” ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสกับสถาบัน IIDGR จาก De Beers (เดอเบียร์) ประเทศอังกฤษ และ Sarine (ซารีน) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ในการเจียระไนเพชรจากประเทศอิสราเอล เป็นรายแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวคอลเลกชัน “The Ultimate Love” โดยเครื่องประดับเพชรทุกชิ้นได้รับการรับรองคุณภาพจาก 2 สถาบันดังกล่าวเป็นครั้งแรกของวงการเพชรในประเทศไทยที่บริษัทคนไทยได้รับการรับรองคุณภาพเพชรจาก Sarine เพื่อให้ได้เพชรที่สวยที่สุด ได้สมมาตรที่สุด เล่นไฟมากที่สุด และเปล่งประกายแวววาว ระยิบระยับระดับสูงสุดชื่อ “เพชรกลุ่มอัลติเมท” (Ultimate) ซึ่งหายากมากและมีเพียง 2% ในโลกเท่านั้น
สำหรับเครื่องประดับเพชรคอลเลกชันแรกนี้จะประกอบไปด้วยเครื่องประดับเพชรหลากหลายดีไซน์กว่า 200 แบบ แบ่งเป็นจี้ ต่างหู และแหวน ประดับทอง และทองขาว เน้นความเด่นของเพชร ด้วยดีไซน์สวย ทันสมัย มีความเป็นเฟมินีน ใส่ง่าย สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลาย ในราคาเริ่มต้น 29,900 บาท โดยได้เริ่มวางจำหน่ายเมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ ก่อนจะเริ่มจะทยอยส่งสินค้าให้ครอบคลุมยังสาขาต่างจังหวัดภายในสิ้นเดือน ก.ย. 60
อนึ่ง ปัจจุบัน บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัดจำหน่ายสินค้า 4 ประเภท คือ ทองรูปพรรณ 96.5% โมเดิร์น โกลด์” ทองรูปพรรณ 75% “ดีไซน์ โกลด์” ทองรูปพรรณต่างๆ รวมถึงเครื่องประดับมีค่า “ดีไลท์ โกลด์” และเครื่องประดับอัญมณีและเพชร “ออโรร่า ไดมอนด์” พร้อมด้วยบริการรับขายฝากทองและเครื่องประดับมีค่า