“อีเจี๊ยบ” ยกพลนำทีมแอดมินเพจดังขึ้น Live Streaming สู่แพลตฟอร์ม “ฟินิกซ์ TV” เชื่อเป็นอนาคตโลกโซเชียลออนไลน์ “บลู ฟินิกซ์ดิจิตัล” มั่นใจปีแรกยอดยูสเซอร์ทะลุ 1 ล้านคน รับรายได้ปีแรกไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท มั่นใจขึ้นแท่นผู้นำใน 3 ปี
นายสุรศักดิ์ อารีย์สว่างกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลู ฟินิกซ์ ดิจิตัล จำกัด เปิดเผยว่า ความนิยมในการใช้บริการ Live Streaming Platform กำลังเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันในไทยมีผู้ให้บริการราว 4-5 ราย ส่วนใหญ่เป็นของต่างประเทศ อันดับหนึ่ง คือ bigo live ตามด้วยkitty live และ Beetalk
ส่งผลให้บริษัทมองเห็นโอกาสจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Finix TV ขึ้นมาให้บริการ Live Streaming Platform ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้ได้ทุกอุปกรณ์การสื่อสาร และทุกระบบปฏิบัติการ ซึ่งได้เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการมากกว่า 1 เดือน พบว่ามียอดยูสเซอร์แล้ว 1.6 แสนราย มั่นใจว่าใน 1 ปีแรกจะมีจำนวนยูสเซอร์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านราย
“ทางบริษัทมั่นใจว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ใน 3 ปี จากจุดแข็งใน 3 เรื่อง คือ 1. เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยคนไทย 100% การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ทำได้เร็วและตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์คนไทย 2. การไลฟ์สดสามารถทำได้ครอบคลุมในทุกระบบปฏิบัติการ ทั้ง Android, iOS และ PC 3. มีการคัดสรรคอนเทนต์ก่อนออกอากาศ”
นายสรกฤต ลัทธิธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีมีเตอร์ อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวต่อว่า Finix TV ถูกพัฒนาโดยบลู ฟีนิกซ์ ดิจิตอล ส่วนในแง่คอนเทนต์หรือเนื้อหาและการตลาดทางดีทีเตอร์จะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด เบื้องต้นด้านเนื้อหาจะเน้นรูปแบบการไลฟ์สด โดยจะมีห้องต่างๆ สามารถเข้าชมได้ เช่น ห้องข่าว ห้องดนตรี ห้องแฟชั่น ห้องหมอดู ห้องตลก ห้องท่องเที่ยว เป็นต้น โดยจะมีการคัดเลือกเนื้อหาหรือผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ก่อนทำการไลฟ์สด เชื่อว่าจะดึงดูดผู้ชมได้อย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุ 18-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
ล่าสุดได้รับการตอบรับร่วมเป็นพันธมิตรในการขายสินค้าจาก Spa Hukkuhodo นำเสนอ 3 คอนเทนต์เอาใจผู้ชม คือ 1. Social Talents รวมเหล่าดีเจ เน็ตไอดอล ที่มีความโดดเด่นและความสามารถกว่า 700 คนมาจัดรายการออนไลน์รูปแบบต่างๆ เช่น ร้องเพลง เล่นดนตรี ตลก ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น 2. กลุ่ม KOL ราว 4-5 เพจ สำหรับขาเมาท์ที่ชอบเกาะติดข่าวเด่น ข่าวร้อนทุกวงการ โดยเจ้าของเพจดังที่มีผู้ติดตามกว่าล้านคนมาจัดรายการร่วมกับเหล่าดีเจชื่อดังของ ฟินิกซ์ทีวี เช่น อีเจี๊ยบเลียบด่วน, จ่าพิชิตจากเพจ ดราม่าแอดดิก, แหม่มโพธิ์ดำ และหมอแล็บแพนด้า เพจขอบสนาม เป็นต้น
3. กลุ่มโปรเฟสชันนัลคอนเทนต์ อีก 6-7 ราย ซึ่งรวบรวมคอนเทนต์พาร์ตเนอร์ และมีเดียพาร์ตเนอร์มาร่วมสร้างคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่สนุกสนานและน่าสนใจ ได้แก่ Maxim, Her world, ลูกทุ่งช้างไท ศิลปินจากก่อนบ่ายคลายเครียด สาวงามจากเวทีMiss Supranational, MCOT Radio Networks รวมถึงศิลปินดังอย่าง เสก โลโซ เป็นต้น
“เหล่าดีเจและกลุ่มคนที่จะมาร่วมเป็นพันธมิตรไลฟ์สดใน 1 ปีแรกตั้งเป้าไว้ 1,000 ราย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับทางช่องทีวีดิจิตอลในการที่จะต่อยอดรายการมาสู่รูปแบบไลฟ์สตรีมมิ่งด้วย ขณะที่ปัจจุบันจะมีการจัดเป็นผังไลฟ์สดให้กับแต่ละช่อง แต่ส่วนใหญ่จะมีการไลฟ์สดมากสุดในช่วง 18.00 น. ซึ่งสูงสุดของฐานผู้ชมต่อรายการอยู่ในหลักหมื่นคนขึ้นไป ขณะที่ปัจจุบันฟินิกซ์ทีวีสามารถรอบรับผู้ชมในช่วงเวลาเดียวกันได้ราว 1-2 หมื่นยูสเซอร์”
ทั้งนี้ ฟินิกซ์ทีวีตั้งเป้ารายได้ปีแรกไว้ที่ 200 ล้านบาท มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1. การขายสติกเกอร์กิฟต์ และไอเท็ม ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10 สต.-3,000 บาท 2. รายได้จากสปอนเซอร์ รวมถึงการแบ่งรายได้กับผู้ดำเนินรายการไลฟ์สดด้วย
ขณะที่ผู้ทำการไลฟ์สดนั้นจะมีรายได้จาก 2 ส่วนหลัก คือ 1. รายได้จากสติกเกอร์หรือไอเท็มที่ผู้ชมส่งให้ 2. สปอนเซอร์ที่มากับรายการ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้ไลฟ์สดบางรายทำการไลฟ์สดไปเพียง 2 อาทิตย์ มีรายได้เข้ามาแล้วกว่า 2 แสนบาทจากการได้รับกิฟต์และไอเท็ม
อย่างไรก็ตาม มองว่าฟินิกซ์ทีวีจะกลายเป็นโซเชียลมาร์เกตเพลสได้ หรือภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจะมีบริการอีคอมเมิร์ซเกิดขึ้นบนฟินิกซ์ทีวีต่อไป ซึ่งการรุกสร้างตลาดแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบครั้งนี้พร้อมรองรับการขยายธุรกิจและก้าวสู่ผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิตอล สอดรับนโยบายการพัฒนาประเทศในระยะยาวภายใต้โมเดลไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจากพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ไทยพบว่า 80% ใช้โซเชียลมีเดียทุกวัน บริษัทจึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น เชื่อมโยงยูสเซอร์ และคอนเทนต์เข้าด้วยกัน ปรับเปลี่ยนจากรูปแบบแพลตฟอร์มแบบเดิมๆ สู่การเป็น Liveteractive แบบเรียลไทม์อย่างเต็มรูปแบบรายแรก