xs
xsm
sm
md
lg

“เปปเปอร์มิ้นท์” ลุยตลาดสินค้าเด็กใช้แล้วทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ณธนพร เอื้อวันทนาคูณ (ซ้าย) และ พิมกานต์ ศิวพฤกษ์ (ขวา) ผู้ก่อตั้งบริษัท เปปเปอร์มิ้นท์ จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - “เปปเปอร์มิ้นท์” เปิดตลาดใหม่ สินค้าเด็กใช้แล้วทิ้ง รับตลาดสินค้าเด็กพุ่ง 12,000 ล้านบาท เจาะไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ โมเดิร์นมัม จ้างต่างประเทศผลิตให้ เจาะทั้งช่องทางรีเทลและออนไลน์ พร้อมลุยต่างประเทศ ประเดิมสิงคโปร์ กับอเมริกา

นางพิมกานต์ ศิวพฤกษ์ และ นางสาวณธนพร เอื้อวันทนาคูณ สองผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เปปเปอร์มิ้นท์ จำกัด เจ้าของและผลิตภัณฑ์เด็กใช้แล้วทิ้งแบรนด์ เปปเปอร์มิ้นท์ ของไทย ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดสินค้าสำหรับเด็กในไทยมีมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท มีการเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่าจากนี้ไปจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 16% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคที่เป็นคุณแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญต่อการเลี้ยงดูลูกด้วยการใช้สินค้าที่มีประโยชน์และมีคุณภาพสะดวกเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในตลาด 12,000 ล้านบาทนี้ แยกออกมาเป็น สินค้าที่ใช้แล้วทิ้ง สัดส่วนมากที่สุดถึง 80% ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ส่วนอีก 20% เป็นสินค้าที่ใช้แล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เช่น ขวดนม ผ้าอ้อม จาน ถ้วย เป็นต้น จึงมองเห็นโอกาสในการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็กที่มีคุณภาพที่ใช้แล้วทิ้งในแง่มุมสินค้าประเภทอื่นๆ นอกจากผ้าอ้อมสำเร็จรูป ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่แข่งขันรุนแรงจากหลายแบรนด์ทั้งของไทยกับอินเตอร์แบรนด์ที่สามารถสร้างการเติบโตได้ อีกทั้งมองตลาดต่างประเทศด้วย เนื่องจากภายในปี 2563 ยูนิเซฟคาดการณ์ไว้ว่าจะมีเด็กประมาณ 2,000 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งนั่นก็คือตลาดใหญ่ในอนาคต

บริษัทฯ ได้เริ่มทำตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 นี้ โดยสินค้าเป็นการว่าจ้างโรงงานในต่างประเทศผลิตให้ ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกับที่ผลิตให้กับแบรนด์ใหญ่ของอเมริกาในตลาดกลุ่มนี้เหมือนกัน ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ช่วงปีแรกนี้มีสินค้าวางตลาดกลุ่มแรก คือ ผ้ารองรับประทานอาหารอเนกประสงค์ใช้แล้วทิ้ง ซึ่งเป็นรายแรกในเอเชีย ราคา 250 บาทต่อกล่อง มี 20 แผ่น และหลังจากนี้ถึงสิ้นปีจะวางตลาดอีก 2 กลุ่ม คือ ผ้ากันเปื้อนใช้แล้วทิ้ง ราคา 190 บาทต่อกล่อง มี 10 ชิ้น ผ้ารองเปลี่ยนผ้าอ้อม ราคา 495 บาทต่อกล่อง มี 25 ชิ้น สินค้าเริ่มวางช่องทางรีเทลแล้ว เช่น ร้านเกี่ยวกับสินค้าเด็ก เช่น คิดส์โซไซตี้ เครือเซ็นทรัล เดอะมอลล์ เป็นต้น และช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างอินสตาแกรม

รวมทั้งอยู่ระหว่างเตรียมนำเข้าจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นด้วย แต่จะเป็นแบบขนาดเล็ก เริ่มที่ แผ่นรองอเนกประสงค์ ขนาด 4 ชิ้น ราคา 60 บาท และผ่านออนไลน์อย่างลาซาด้า เป็นต้น ตั้งเป้ายอดขายรวมในปีแรก 2560 นี้ไว้ที่ 500,000 บาทต่อเดือน ส่วนปีหน้าจะมีสินค้ากลุ่มใหม่วางตลาดอีก เช่น ที่รองนั่งโถส้วมใช้แล้วทิ้ง และถุงใส่ขยะใช้แล้วทิ้ง รายได้ประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ สินค้าเจาะกลุ่มเป้าหมายคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ กลยุทธ์การตลาดจะใช้ดาราหรือคนดังมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ผ่านทางไอจี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี เช่น “เบนซ์-พรชิตา” “แอน-อลิชา” “ลิเดีย” “แพนเค้ก” เป็นต้น และการใช้บล็อกเกอร์ด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ใช้งบลงทุนเฉลี่ยกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในเดือนหน้า (กันยายน) จะบุกตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้เต็มตัว

สำหรับการขยายธุรกิจต่างประเทศนั้น ใช้วิธีการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์และอเมริกาก่อน เนื่องจากมีเครือข่ายพันธมิตรที่รู้จักกันอยู่แล้วกับธุรกิจอื่นที่ทำอยู่ด้วยกัน โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ในอนาคตไทยกับต่างประเทศเท่ากัน 50%
กำลังโหลดความคิดเห็น