xs
xsm
sm
md
lg

“ค้าปลีก” ยันออนไลน์ไม่ฆ่าสโตร์ ร้านราคาเดียวแรงแบรนด์นอกบุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จริยา จิราธิวัฒน์
ผู้จัดการรายวัน 360 - ประธานสมาคมค้าปลีกยังหวังลุ้นโต 5% ภายใน 5 ปีจากนี้ ด้าน ผอ.สมาคมฯ ย้ำออนไลน์มาช่วยเสริมค้าปลีกออฟไลน์ ให้มูลค่าตลาด 3.1 ล้านล้านบาทโตได้อีกมาก ชี้ร้านขายราคาเดียวเริ่มฮิต

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% แต่ในครึ่งปีแรกของปี 2560 นี้เติบโต 2.8% ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของปีก่อนหน้านั้นจะสังเกตเห็นว่าลดลงจากเดิมเพียง 0.2% เท่านั้น โดยเชื่อมั่นว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลในการลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์นั้น จะช่วยผลักดันทำให้ตัวเลขการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกไทยพุ่งสูงถึง 5% ภายใน 3-5 ปีจากนี้

ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ตลาดรวมค้าส่งค้าปลีกของไทยมีมูลค่ากว่า 3.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นมามากจากเมื่อช่วงปี2537 แยกเป็นค้าปลีกค้าส่งแบบออนไลน์ประมาณ 3 ล้านล้านบาท และอีก 1 แสนล้านบาทเป็นค้าปลีกค้าส่งในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งแม้ว่ามูลค่าจะน้อยอยู่แต่อัตราการเติบโตสูงมาก ไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี เชื่อมั่นว่าทั้งรูปแบบออฟไลน์ที่เปิดเป็นสโตร์กับออนไลน์ที่เป็นเว็บไซต์ต้องไปด้วยกันเป็นการเสริมตลาดซึ่งกันและกัน การขยายสาขาของค้าปลีกทุกรูปแบบแต่ละแบรดน์ก็ยังมีอยู่

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปี 2560 นี้พบว่าค้าปลีกในรูปแบบซูเปอร์มาร์เกตยังมีการเติบโตที่ดีมากถึง 7% ขณะที่กลุ่มไฮเปอร์มาร์เกตเติบโตเพียงแค่ 2% เท่านั้นต่ำมาก ส่วนคอนวีเนียนสโตร์ก็คงโตไม่มากประมาณ 3% เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับโมเดลห้างสรรพสินค้าเติบโตเพียง 3% เท่านั้นเอง

สำหรับโมเดลค้าปลีกอื่น ดร.ฉัตรชัยกล่าวเสริมว่า ที่น่าจะมาแรงจากนี้ไปคือ ร้านค้าเฉพาะทางหรือสเปเชียลตี้สโตร์ หรือร้านขายสินค้าประเภทราคาเดียว ที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และมีผู้ประกอบการเข้าสู่ธุรกิจนี้มากขึ้น ทั้งที่เป็นการพัฒนาขึ้นมาเองของไทยและแบรนด์ดังจากต่างประเทศ เช่น ล่าสุดมีร้านแบรนด์ดองกิ ร้านแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่จะขยายธุรกิจเข้ามาในไทย

นอกจากนั้น แนวโน้มของค้าปลีกจะมีการขยายตัวต่างกันไปตามแต่ละกลุ่ม ในมูลค่าค้าปลีกค้าส่งของไทยที่มีมากกว่า 3.1 ล้านล้านบาท แยกกลุ่มผู้ประกอบการได้ 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย 1. กลุ่มบนหรือผู้ประกอบการรายใหญ่ กลุ่มนี้เติบโต 3% ในภาพรวม และมีสัดส่วนประมาณ 30% ของทั้งหมด ซึ่งแนวโน้มขยายตัวไปต่างประเทศมากขึ้น 2. กลุ่มภูธร ซึ่งมีประมาณ 500-700 ราย กลุ่มนี้เติบโตดี 8% มีสัดส่วน 20% ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนี้เริ่มขยายตัวเข้าหัวเมืองใหญ่หรือกรุงเทพฯ และต่างประเทศบ้าง และ 3. กลุ่มระดับล่างหรือเอสเอ็มอี จะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดกว่า 50% ของมูลค่าทั้งหมด เติบโตดีเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น