ผู้จัดการรายวัน 360 - บันเทิงเกาหลีบุกไทยเต็มตัว หวังดันไทยฮับอาเซียนด้านคอนเทนต์ และโปรดักชัน
ล่าสุดจับมือนักลงทุนไทย ผุดบริษัท “เอเชียน สตอรี่ไทยแลนด์” ปั้นช่อง “K Wave” เจาะต่างจังหวัดเข้ากรุงผ่านจาน PSI และเจริญเคเบิลทีวี หวัง 3 ปีโกยเงิน 100 ล้านบาท
นายลักษณ์ เตชะวันชัย รองประธาน บริษัท เอเชียน สตอรี่ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เอเชียน สตอรี่ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย คือ กลุ่มบริษัท อิมเมจิ้น ที่เกี่ยวโปรดักชันสตูดิโอกับทางเกาหลี จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นไทย 51% และเกาหลี 49%
โดยบริษัทฯ ได้สิทธิ์ในการดูแลดิจิตอลคอนเทนต์ของเกาหลีในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน มาขับเคลื่อนและร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลิต การตลาด แพลตฟอร์ม การร่วมผลิต รวมถึงการลงทุนของ 2ประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนคอนเทนต์ซึ่งกันและกัน
“การลงทุนครั้งนี้ทางเกาหลีพร้อมสนับสนุนและร่วมพัฒนาศักยภาพโปรดักชันสตูดิโอของไทยไปสู่ต่างประเทศ นอกจากจะนำคอนเทนต์เกาหลีมาออกอากาศในไทยแล้วยังมีแผนโคโปรดักชันร่วมกันด้วย รวมถึงใช้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนส่งคอนเทนต์ไปในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม พม่า เป็นต้น ภายใต้ช่องชื่อช่อง WT Wave ที่วางเป็นช่องแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีก 1 ช่อง หลังช่อง K Wave ประสบความสำเร็จ”
เบื้องต้นของการร่วมทุนครั้งนี้จะเน้นรุกธุรกิจใน 3 ช่องทาง คือ 1. เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม ผ่านช่อง K Wave channel ทางจาน PSI ที่มีผู้ใช้งานกว่า 16 ล้านจานทั่วประเทศ และเคเบิลทีวีของกลุ่มเจริญเคเบิลทีวีที่ครอบคลุมกลุ่มคนกรุงเทพฯ เป็นหลัก 2. อินเทอร์เน็ต ดูแลลิขสิทธิ์การขายคอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์ และ 3. ดิจิตอลทีวี หารายได้จากไทม์แชร์ริ่งในช่องทีวีดิจิตอล ที่ขณะนี้เจรจาแล้ว 3 ช่องใหญ่ ผังรายการสุดท้ายของปีนี้น่าจะได้รับชมกัน โดยในปีแรกรายได้หลักจะมาจากช่อง K Wave หลังจากนั้นเชื่อว่าอินเทอร์เน็ตจะขยายตัวต่อเนื่องและเป็นสัดส่วนรายได้หลักต่อไป
ด้านนายคิม ซอง เรียล (Sung-Ryul Kim) ประธาน บริษัท เอเชียน สตอรี จากประเทศเกาหลี กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะนำเสนอคอนเทนต์เกาหลีในรูปแบบช่องทีวี เช่น ภาพยนตร์ ทีวีซีรีส์ เกมโชว์ และอื่นๆ รวมถึงโฮมชอปปิ้ง ในชื่อ K Wave channel ออกอากาศในแพลตฟอร์มจานดาวเทียม PSI และเคเบิลทีวีในกลุ่มเจริญเคเบิล ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 3-4 ล้านบาท ปีที่ 2 ประมาณ 55 ล้านบาท และปีที่ 3 ไม่ต่ำกว่า 90-100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดในไทยมีความสนใจและได้ศึกษาตลาดด้านดิจิตอลคอนเทนต์ของไทยและอาเซียน พบว่ามีอัตราการเติบโตมาตลอดอย่างต่อเนื่อง และพบว่าไทยและอาเซียนมีศักยภาพในหลายด้านโดยเฉพาะความเป็นโลคัลคอนเทนต์ของแต่ละประเทศที่มีลักษณะโดดเด่น สามารถพัฒนาและนำไปร่วมมือกันด้านการผลิตและการตลาด โดยใช้ความชำนาญที่มีมาตรฐานด้านการผลิตและการตลาดสไตล์เกาหลีที่ประสบความสำเร็จ มาผสมผสานเพื่อผลักดันโลคัลคอตเทนต์สู่ความเป็นสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต โดยมีเป้าหมายเป็นดิจิตอลคอนเทนต์ โพรไวเดอร์ ในอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลี
“ประเทศไทยมีความเหมาะสมเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคด้านดิจิตอลคอนเทนต์ เพราะเป็นศูนย์กลางของประเทศเพื่อนบ้านที่มีลักษณะทางกายภาพที่คล้ายคลึงกันด้านวัฒนธรรมจากรากฐานเดียวกัน แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปในรูปแบบความร่วมมือของภาครัฐในทิศทางเดียวกันจึงเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังรองรับการพัฒนาและเติบโตอย่างเป็นระบบ” นายคิมกล่าว