หลายบริษัททราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยกำลังเจอปัญหาการขาดแคลนแรงงานและคุณภาพของแรงงานที่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการในบางสายอาชีพ ทำให้การแย่งชิง “แรงงานฝีมือดี” ในปัจจุบันดุเดือดมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยนี้ที่ Social Media เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ก็มีส่วนช่วยให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสในการทำงานรูปแบบใหม่ได้ หรือถ้ามีงานทำอยู่แล้ว Content ใน Social Media ก็จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนงานได้ง่ายขึ้น
ข้อมูลจาก Adecco Group Thailand (2016) ในฐานะผู้นำระดับโลกในด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร ร่วมกับบริษัท บีดีอาร์ซี เอเชีย (BDRC Asia) ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยตลาดได้สำรวจกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นแรงงานในอนาคตพบว่า พวกเขาพร้อมที่จะขอคำแนะนำในเรื่องการหางานจาก Social Media และยังพร้อมที่จะเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับเรื่องของงาน หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่พวกเขาอยากทำงานด้วยความเต็มใจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาต้องการไปฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีกับบริษัทนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเงินเดือนเท่าไรนักเพื่อให้ได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าแต่ถ้าให้ประสบการณ์ในการทำงานแก่พวกเขามากกว่าก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน นอกจากนี้ บรรยากาศในการทำงานที่น่าสนใจและสนุกมากกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้คนกลุ่มนี้สนใจได้มากกว่าบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้วย
ศศิวิมล เสียงแจ้ว กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทิร์นชิพส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ เด็กฝึกงาน.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบริษัทชั้นนำทั่วประเทศที่มาประกาศงานทุกสายอาชีพ และยังเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ของนักศึกษาหรือบุคคลทั่วไป ให้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นทีมงานที่ให้ความสำคัญต่อการฝึกงานมาก เพราะเรามองว่าถ้าต้องการยกระดับการทำงานที่ดีในอนาคต นอกจากระบบการเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว การฝึกงานก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่เราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการทำงานและการใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยได้จริง
ผลสำรวจนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลตลาดแรงงานของการฝึกงาน และยังเป็นแนวโน้มของบริษัทที่สนใจในสายอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการอีกด้วย เราได้สำรวจจากสมาชิกฝั่งบริษัทที่มาลงประกาศงาน 644 บริษัท โดยที่บริษัทให้ความสนใจรับเด็กฝึกงานรวม 1,596 ตำแหน่ง (ข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2560) ผลสำรวจในครึ่งปีแรกของ “ประเภทงานที่บริษัทเปิดรับเด็กฝึกงานมากที่สุด” พบว่า
อันดับ 1 : การตลาดและประชาสัมพันธ์17.35%
อันดับ 2 : Computer / IT / Programmer15.85%
อันดับ 3 : บัญชี14.47%
อันดับ 4 : ธุรการ / ประสานงาน / จัดซื้อ12.21 %
อันดับ 5 : Designer12.09 %
อันดับ 6 : วิศวกร / ช่างเทคนิค9.08%
อันดับ 7 : Sale / Admin9.02%
อันดับ 8 : สื่อและโฆษณา5.57%
อันดับ 9 : ท่องเที่ยวและโรงแรม4.63%
อันดับ 10: บริหาร4.51%
ทั้งนี้ 7 บริษัทในครึ่งปีแรกที่ให้ความสำคัญต่อการฝึกงานและรับเด็กฝึกงานมากที่สุด ได้แก่
1.Robert Bosch Limited
2.บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด
4.General Motors Thailand Limited
5.Arincare Co.,Ltd
6.บริษัท จงสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
7.บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
ท้ายที่สุดแล้ว เด็กฝึกงาน.com ทราบดีว่ายังมีอีกหลายบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อ “เด็กฝึกงาน” เพราะพวกเขามองว่า “คนเหล่านี้สามารถเป็นบุคลากรที่มีความเหมาะสมและมีความสำคัญต่อบริษัทในอนาคต เพราะเราทั้งคู่จะได้รู้จักและเรียนรู้กันก่อนใคร ได้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถ ทัศนคติ และความเข้ากันกับองค์กรก่อนใคร เราจึงคิดว่ามันไม่เสียเวลาเลยที่จะให้เด็กฝึกงานปูทางไปสู่ทีมงานที่มีคุณภาพในอนาคต” บัณฑิต งามวัฒนศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริม
ข้อมูลจาก Adecco Group Thailand (2016) ในฐานะผู้นำระดับโลกในด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร ร่วมกับบริษัท บีดีอาร์ซี เอเชีย (BDRC Asia) ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยตลาดได้สำรวจกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นแรงงานในอนาคตพบว่า พวกเขาพร้อมที่จะขอคำแนะนำในเรื่องการหางานจาก Social Media และยังพร้อมที่จะเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับเรื่องของงาน หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่พวกเขาอยากทำงานด้วยความเต็มใจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาต้องการไปฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีกับบริษัทนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเงินเดือนเท่าไรนักเพื่อให้ได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าแต่ถ้าให้ประสบการณ์ในการทำงานแก่พวกเขามากกว่าก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน นอกจากนี้ บรรยากาศในการทำงานที่น่าสนใจและสนุกมากกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้คนกลุ่มนี้สนใจได้มากกว่าบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้วย
ศศิวิมล เสียงแจ้ว กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทิร์นชิพส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ เด็กฝึกงาน.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบริษัทชั้นนำทั่วประเทศที่มาประกาศงานทุกสายอาชีพ และยังเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ของนักศึกษาหรือบุคคลทั่วไป ให้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นทีมงานที่ให้ความสำคัญต่อการฝึกงานมาก เพราะเรามองว่าถ้าต้องการยกระดับการทำงานที่ดีในอนาคต นอกจากระบบการเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว การฝึกงานก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่เราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการทำงานและการใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยได้จริง
ผลสำรวจนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลตลาดแรงงานของการฝึกงาน และยังเป็นแนวโน้มของบริษัทที่สนใจในสายอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการอีกด้วย เราได้สำรวจจากสมาชิกฝั่งบริษัทที่มาลงประกาศงาน 644 บริษัท โดยที่บริษัทให้ความสนใจรับเด็กฝึกงานรวม 1,596 ตำแหน่ง (ข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2560) ผลสำรวจในครึ่งปีแรกของ “ประเภทงานที่บริษัทเปิดรับเด็กฝึกงานมากที่สุด” พบว่า
อันดับ 1 : การตลาดและประชาสัมพันธ์17.35%
อันดับ 2 : Computer / IT / Programmer15.85%
อันดับ 3 : บัญชี14.47%
อันดับ 4 : ธุรการ / ประสานงาน / จัดซื้อ12.21 %
อันดับ 5 : Designer12.09 %
อันดับ 6 : วิศวกร / ช่างเทคนิค9.08%
อันดับ 7 : Sale / Admin9.02%
อันดับ 8 : สื่อและโฆษณา5.57%
อันดับ 9 : ท่องเที่ยวและโรงแรม4.63%
อันดับ 10: บริหาร4.51%
ทั้งนี้ 7 บริษัทในครึ่งปีแรกที่ให้ความสำคัญต่อการฝึกงานและรับเด็กฝึกงานมากที่สุด ได้แก่
1.Robert Bosch Limited
2.บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด
4.General Motors Thailand Limited
5.Arincare Co.,Ltd
6.บริษัท จงสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
7.บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
ท้ายที่สุดแล้ว เด็กฝึกงาน.com ทราบดีว่ายังมีอีกหลายบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อ “เด็กฝึกงาน” เพราะพวกเขามองว่า “คนเหล่านี้สามารถเป็นบุคลากรที่มีความเหมาะสมและมีความสำคัญต่อบริษัทในอนาคต เพราะเราทั้งคู่จะได้รู้จักและเรียนรู้กันก่อนใคร ได้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถ ทัศนคติ และความเข้ากันกับองค์กรก่อนใคร เราจึงคิดว่ามันไม่เสียเวลาเลยที่จะให้เด็กฝึกงานปูทางไปสู่ทีมงานที่มีคุณภาพในอนาคต” บัณฑิต งามวัฒนศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริม