xs
xsm
sm
md
lg

ฟื้นชีพ “เรดเอิร์ธ” คืนตลาด 2 หมื่นล้าน “พิ้งค์พีโอ” เพิ่มพอร์ตลดความเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เพียงพร สุวรรณประทีป กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิ้งค์ พีโอ จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - “พิ้งค์พีโอ” ปัดฝุ่นฟื้นชีพ “เรดเอิร์ธ” อีกรอบ คว้าสิทธิ์ในไทยพร้อมขยายเออีซี เร่งขยายเพิ่มอีก 3 แบรนด์เสริมทัพลดความเสี่ยงการทำแบรนด์เดียวเหมือนในอดีตที่หมดสัญญากับทูเฟซไปแล้ว

นางเพียงพร สุวรรณประทีป กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิ้งค์ พีโอ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายขยายธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์หลากหลายแบรนด์ เนื่องจากตลาดรวมเครื่องสำอางและความงามในไทยมีมูลค่าสูงมากกว่า 20,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 6-7% โดยแยกเป็นสกินแคร์ สัดส่วน 70% และเมกอัพ 30% ซึ่งในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจดีๆ เติบโตถึง 2 หลัก แต่ก็เป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรงจากเคาน์เตอร์แบรนด์มากกว่า 60-70 แบรนด์ แต่ก็ยังมีแนวโน้มการเติบโตตลอด

อีกทั้งเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการทำตลาดเพียงแบรนด์เดียว ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ทำตลาดให้กับแบรนด์ทูเฟซจากอเมริกา แต่ได้หมดสัญญาลง และทางทูเฟซอเมริกาได้ปรับเปลี่ยนนโยบายไปจำหน่ายผ่านเฉพาะบางช่องทางเช่นร้านเซโฟร่า ไม่เน้นการขายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้า จึงทำให้ต้องปรับตัวในการมองหาหลายแบรนด์เพื่อความมั่นคงของบริษัทฯ

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับเครื่องสำอางและสกินแคร์ต่างประเทศ รวม 3 แบรนด์ใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย คือ จากสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมกอัพแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มทำตลาดไม่นาน 2. สกินแคร์ เป็นแบรนด์ใหม่จากเกาหลี และ 3. ผลิตภัณฑ์ความงามเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ในแง่ของตลาดและกลุ่มเป้าหมายไม่มีความทับซ้อนกัน
เคาน์เตอร์เรดเอิร์ธ ภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้การบริหาร ของ พิ้งค์พีโอ
ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทแม่ของเรดเอิร์ธให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในไทยรายเดียวนาน 5 ปี ต่อสัญญา 5 ปี หลังจากสัญญาแรกสิ้นสุดลง แทนบริษัทไมเนอร์กรุ๊ป จำกัด ที่เป็นผู้ทำตลาดรายเดิมหมดสัญญาลง 2 ปีที่ผ่านมา และไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทำตลาดมานานเกือบ 5 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไมเนอร์ฯ เคยทำยอดขายสูงสุดกว่า 180 ล้านบาทมาแล้วในรอบ 20 ปีที่อยู่ในไทยและปัจจุบันเหลือประมาณ 70-80 ล้านบาท แต่บริษัทฯ สนใจเนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพและบริษัทแม่ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งใหม่ด้วย และส่วนตัวเคยบริหารแบรนด์นี้มา 2 ปีเมื่อครั้งที่ทำงานที่ไมเนอร์ฯ ด้วย

บริษัทฯ วางแผนในช่วง 5 ปีจากนี้จะมีเคาน์เตอร์รวม 17 แห่ง และมียอดขายรวม 250 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเริ่มเป็นทางการเมื่อเดือน 2 เดือนที่ผ่านมาเปิดแล้ว 7 สาขา คือที่ สยามพารากอน เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ดอนเมืองอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ตขาออกภายในประเทศ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เซ็นทรัลบางนา เซ็นทรัลชิดลม และตั้งเป้ายอดขายถึงสิ้นปี 2560 นี้ประมาณ 40 ล้านบาท โดยใช้งบลงทุนปีนี้ 20 ล้านบาท และงบการตลาด 20% จากยอดขาย และสนใจเจรจาเพื่อขยายตลาดเออีซีด้วย

“ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่เรดเอิร์ธกลับมาบุกตลาดอีกครั้ง ด้วยภาพลักษณ์ โลโก้ ผลิตภัณฑ์ และทุกอย่างใหม่หมดตามที่บริษัทแม่ได้ปรับเปลี่ยนแล้ว จับกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาเป็นหลัก และเป็นสินค้าพรีเมียมแมสที่เราได้ปรับราคาลงมาจากเดิมเฉลี่ย 15-20% โดยที่ไม่มีสินค้าที่เป็นคู่แข่งโดยตรงเพราะเราเน้นความเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากธรรมชาติจากออสเตรเลีย”

นางเพียงพรกลาวว่า ช่วงแรกนี้มีสินค้าหลัก 2 กลุ่ม คือ 1. ให้ความกระจ่างใสหรือความงาม มี 4 ผลิตภัณฑ์ และ 2. กลุ่มให้ความชุ่มชื่น มี 5 ผลิตภัณฑ์ โดยเป็นสินค้าเดิมที่ได้รับความนิยม 70% และเป็นสินค้าใหม่ๆ 30% ช่วงแรกมีประมาณ 43 เอสเคยู และจะเต็มไลน์ผลิตภัณฑ์เดือนตุลาคมนี้ประมาณ 70 เอสเคยู ใช้งบการตลาด รวมทั้งเตรียมขยายช่องทางออนไลน์ด้วย

นอกจากนั้นยังมีบริษัทในเครือ คือ พีโอ พลัส เป็นผู้ผลิตสินค้าและจำหน่ายแบรนด์ตัวเองคือ แบรนด์มูยอง เป็นสกินแคร์, แบรนด์คอเซ็ตตา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผู้หญิง และแบรนด์เอนจอย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ชาย คาดว่าทั้งปีนี้รายได้รวมทั้งกลุ่มประมาณ 250 ล้านบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น