“แพนราชเทวี” โหมงบออนไลน์ งัด “แฟรนไชส์-ตัวแทน” รุก ตปท.

ผู้จัดการรายวัน 360 - “แพน ราชเทวี” ปรับตัวครั้งใหญ่สู้ศึกเศรษฐกิจซบ รับตลาดแข่งเดือด ลดงบออฟไลน์ โหมออนไลน์ 90% พร้อมรุกต่างประเทศ ชูโมเดล ดิสทริบิวเตอร์ลุยยุโรป งัดแฟรนไชส์รุกอาเซียน

นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพน ราชเทวี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มแพนปรับวิธีการทำธุรกิจและการทำตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีและในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมคลินิกผิวพรรณและความงามก็ไม่ได้เติบโต จากเดิมช่วง 7 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมเคยเติบโตสูงถึง 20-30% มาแล้ว จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 20,000 ล้านบาท แยกเป็น กลุ่มคลินิกที่เป็นเชน คลินิกที่ไม่เป็นเชน และคลินิกที่โรงพยาบาลเปิดแยกต่างหาก อีกทั้งที่ผ่านมาตลาดรวมแข่งขันค่อนข้างรุนแรงมีคลินิกรายเดี่ยวเกิดขึ้นมามาก เชนใหญ่ก็ไม่ได้เติบโตเช่นกัน ทั้งนี้ ทางกลุ่มไม่ได้เพิ่มสาขามากนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีประมาณ 130 สาขารวมกันทั้งสองแบรนด์คือ แพนคลินิก กับราชเทวีคลินิก

กลยุทธ์จากนี้จะขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่ได้วางโมเดลและระบบต่างๆ เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ที่จะแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์แต่ละประเทศ เบื้องต้นเริ่มที่ 4 ประเทศก่อน คือ เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ โดยเริ่มนำสินค้าตัวแรก คือ แอคเน่ ฟอร์มูล่า ทรี โลชั่น แบรนด์แพนคอสเมติก ซึ่งจะนำระบบการจัดการ บริหารของบริษัทไปดำเนินการด้วย ในอนาคตยังมีสินค้าเตรียมทำตลาดอีกมาก เช่น แบรนด์แพนเดอร์มาแคร์กว่า 20 ตัว และแพนคอสเมติกกว่า 30 ตัว จากนั้นจะขยายไปที่กลุ่มประเทศอียูอีกมาก โดยส่งสินค้ากลุ่มแอคเน่แคร์ สกินแคร์ ซันสกรีน และเอจจิ้ง แบรนด์แพนเดอร์มาแคร์ จำหน่ายในโรงพยาบาล และคลินิกที่มีแพทย์ผิวหนังประจำอยู่

ขณะที่ตลาดอาเซียนที่ก่อนนี้มีการเปิดสาขาแล้ว คือ แพนคลินิก ที่เวียดนาม 2 สาขาเป็นแบบร่วมทุน และที่กัมพูชานำสินค้าเข้าไปจำหน่าย จากนี้ไปจะปรับกลยุทธ์เป็นการขายแฟรนไชส์แทนในตลาดประเทศใหม่ที่จะขยายไปทั้งพม่า ลาว เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มได้ในต้นปีหน้า ซึ่งจะขายแฟรนไชส์ทั้งสองแบรนด์ คือ แพนคลินิก กับราชเทวีคลินิก

สำหรับแผนรุกตลาดในไทย ปีนี้ใช้งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท จะเน้นการบริการใหม่ๆ เช่น เมื่อเดือนมิถุนายนเปิดตัว แอคเน่ สปา เทค เริ่มแล้วสองสาขาที่ แพนคลินิกสยามฯ และราชเทวีคลินิก สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดลูกค้าใหม่เข้าคลินิกด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ซึ่งยังคงมีอัตราเข้าใช้บริการคลินิกและการใช้จ่ายที่ดีต่อเนื่อง โดยมีลูกค้าประมาณ 2-3 แสนราย

นอกจากนั้นยังปรับสัดส่วนการใช้งบประมาณด้านการตลาดและสื่อครั้งใหญ่ ซึ่งปกติแล้วจะใช้ประมาณ 25-30% ของยอดขายรวม แต่ขณะนี้ใช้งบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ลดงบประมาณลงเหลือประมาณ 18% จากยอดขาย โดยการหันมาเน้นงบประมาณด้านสื่อออนไลน์มากขึ้นสัดส่วน 80% จากเดิมแค่ 10% ส่วนงบออฟไลน์ยังคงใช้เหลือสัดส่วนแค่ 20% จากเดิมสูงถึง 90% โดยตั้งเป้าหมายผลประกอบการโดยรวมเติบโต 15% มาจากต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ในประเทศจะเติบโต 2-3% เท่ากับจีดีพีของประเทศ แยกสัดส่วนเป็น กลุ่มคลินิก 2 แบรนด์ 70% และอีก 30% มาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท