ผู้จัดการรายวัน 360 - ทีมผู้ถือหุ้นคาราบาวแดงลงขันตั้ง “ตะวันแดง” รุกตลาดเหล้าขาว เหล้าสีครงบวงจร ทุ่ม 3,000 ล้านบาทผุดโรงงานผลิต ปูพรมเป้าหมาย 3 แสนร้านค้าทุกเซกเมนต์ แซะฐานตลาดกลุ่ม “เจริญ” ที่ครองตลาดกว่าแสนล้านบาท
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ตะวันแดง 1999 จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 400 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาทในปลายปี 2560 นี้ แยกกิจการออกจากเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง แต่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นในนามส่วนตัวเดียวกัน เช่น นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ นายยืนยง โอภากุล เป็นต้น แต่บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด ไม่ได้ถือหุ้นในตะวันแดงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทตะวันแดงตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสุรากลั่นครบวงจรตั้งแต่ สุราขาว สุราสี วิสกี้ บรั่นดี และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ หลังจากที่ได้ทำการศึกษาและเตรียมการมานานกว่า 10 ปี เบื้องต้นได้ลงทุนไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินและเครื่องจักรสร้างโรงงาน พื้นที่ 816 ไร่ ที่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ใช้ไปแล้วประมาณ 50% มีกำลังการผลิตแอลกอฮอล์ 95% มากถึง 150,000 ลิตรต่อวัน รองรับการผลิตสุราครบวงจรทุกประเภท ได้แก่ สุราขาว สุราสี วิสกี้ บรั่นดี และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นๆ
ตลาดรวมเครื่องดื่มเหล้าขาวมีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาทต่อปี แต่มีเพียงผู้ผลิตรายใหญ่รายเดียวที่ครองตลาดมากกว่า 90% แต่ก็เป็นตลาดที่มีการเติบโตไม่มากเท่าใดประมาณ 2-3% แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีจะเติบโตมาก เนื่องจากตลาดหลักคือตลาดแมส จึงได้เปิดตัวสินค้าตัวแรกเป็น เหล้าขาวตะวันแดง ทำตลาดก่อน สร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นด้วยรสชาตที่มี 4 ดีกรี คือ 40, 35, 30 และ 28 ดีกรี และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง 15% เช่น 40 ดีกรี ราคาปลีก 100 บาทต่อขวด ซึ่ง 40 ดีกรีเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสัดส่วน 50% จากตลาดเหล้าขาวทั้งหมด
ด้านช่องทางจำหน่าย มีเอเยนต์ประมาณ 50 รายทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งเอเยนต์เดิมที่ค้าขายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงอยู่แล้วกับเอเยนต์ใหม่ อีกทั้งมีเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศกว่า 3 แสนร้านค้า ขณะนี้วางตลาดได้แล้ว 2 แสนกว่าร้านค้า คาดว่าสิ้นปี 2561 จะเจาะครบ 3 แสนร้านค้า
เป้าหมายระยะยาวของบริษัทภายใน 3 ปีจากนี้จะขยายตลาดสู่เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ทุกชนิด เช่น เหล้าสี วอดก้า บรั่นดี วิสกี้ ซึ่งแต่ละเซกเมนต์จะใช้แบรนด์แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจดทะเบียนชื่อไว้มากมายแล้วเนื่องจากมีกำลงผลิตเพียงพอ อีกทั้งมีเป้าหมายที่จะรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่นด้วย เพราะถ้าหากมีเพียงแบรนด์เดียวและเซกเมนต์เหล้าขาวอย่างเดียวจะอยู่ไม่ได้ เพราะคู่แข่งเป็นรายใหญ่มากมีครอบคลุมทุกตลาด อีกทั้งกำลังผลิตที่เรามียังน้อยประมาณ 20% ของคู่แข่งรายใหญ่เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ด้านการตลาดของเหล้าตะวันแดงคงจะเน้นกิจกรรมทางร้านค้าเป็นหลัก เพราะข้อจำกัดด้านการสื่อสารโฆษณา อีกทั้งจะไม่นำเอาภาพลักษณ์ของ “ยืนยง โอภากุล” หรือ แอ๊ด คาราบาว มาทำตลาดร่วมเหมือนกับเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงเพราะคนละเซกเมนต์กัน เพราะเรามั่นใจว่ารสชาติและคุณภาพของสินค้าเราดีแตกต่างจากคู่แข่ง แต่ทำอย่างไรให้คนหันมาเปลี่ยนลองของใหม่ที่มีคุณภาพไม่แพ้กัน เพราะเราเองก็แข็งแกร่งด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายอยู่แล้ว
นายเสถียรกล่าวด้วยว่า การลงทุนครั้งนี้เรามีความพร้อม ทั้งในด้านการผลิตเครื่องจักรที่ลงทุนในโรงงานใหม่นี้และยังเป็นโรงงานที่มีแนวคิด Factory Resort ที่มีพื้นที่สีเขียวภายในโรงงาน พร้อมทั้งพิถีพิถันคัดเลือกนวัตกรรมการหมัก กลั่น ผลิตสุราของโลกด้วยเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (100% Fully Automated) ประกอบกับได้ทีมผู้เชี่ยวชาญการหมักบ่มสุรากลั่นกว่า 30 ปีมาร่วมทีม อีกทั้งยังได้มืออาชีพทางด้านธุรกิจเหล้ามาร่วมงานด้วย โดยมีระดับที่ปรึกษามากกว่า 5 คนทั้งไทย และต่างประเทศ
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจ นายเสถียรกล่าวว่า ในปีแรกที่ทำตลาดหลังจากที่วางตลาดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 10% จากตลาดรวมกว่าแสนล้านบาท โดยคาดว่าจะคืนทุนภายในเวลา 6 ปีเป็นอย่างช้า และต้องใช้งบการตลาดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
“บริษัทฯ มีนโยบายเปิดกว้างในการทำธุรกิจด้วยการมีคู่ค้า ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกลุ่มทุนหลายกลุ่มจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากญี่ปุ่นที่มีความสนใจมากที่มีการเจรจากับเราในด้านความร่วมมือ ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ ทั้งการถือหุ้นร่วมกัน การเป็นตัวแทนในต่างประเทศ หรือการรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่นนอกเครือ แต่ยังไม่มีการสรุปที่ชัดเจน ซึ่งตลาดต่างประเทศเรามองไปที่โซนอาเซียนเป็นหลัก เพราะไทยเองก็มีศักยภาพในการที่จะเป็นศูนย์กลางการตลาดของเหล้าได้” นายเสถียรกล่าว
