xs
xsm
sm
md
lg

ทายาท “โกลเบล็ก” ทุ่มพันล้าน ชิงตลาดอาหารสัตว์ 1.3 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานที่ปรึกษา บริษัท เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์ จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - ทายาท “โกลเบล็ก” แตกไลน์ธุรกิจ ทุ่มพันล้านรุกตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง 1.3 หมื่นล้าน โตพรวด 16% รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มีลูกช้าและน้อย แต่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น



นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานที่ปรึกษา บริษัท เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์ จำกัด ซึ่งเป็นทายาทของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท เกรทเทสท์ฯ ได้ก่อตั้งขึ้นมา 2 ปี เพื่อเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเป็นการลงทุนส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกลุ่มโกลเบล็ก โดยมีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท เบื้องต้นตั้งงบประมาณลงทุนไว้ 1,000 ล้าน บาท ใช้ไปแล้วประมาณ 500-600 ล้านบาท ในการซื้อโรงงานเก่าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และนำมาปรับปรุงใหม่ รวมทั้งพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ และเพิ่มบุคลากรที่มีประสบการณ์ทั้งการผลิต การตลาด ที่ขณะนี้เริ่มวางตลาดสินค้าแล้ว

สาเหตุที่เข้าสู่ธุรกิจนี้เนื่องจากว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่า 26,816 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนอาหารสัตว์เลี้ยงประมาณ 13,000 ล้านบาท โต 16% ขณะที่ตลาดสัตว์เลี้ยงในอาเซียนมีมูลค่าประมาณ 42,603 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าในไทยกินสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดอาเซียนแล้ว ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดไทยโตเพราะว่าไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันมีครอบครัวเล็กลง มีลูกช้า และน้อยลง ใช้ชีวิตตามลำพัง จึงเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น ส่งผลให้อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดเติบโตตามไปด้วย
ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ( กลาง )ประธานที่ปรึกษา บริษัท เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์ จำกัด
ทั้งนี้ โรงงานมีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 ตันต่อเดือน แต่เบื้องต้นผลิต 1,000 ตันต่อเดือน ซึ่งมีการรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มด้วยจำนวน 5 แบรนด์ โดยมองตลาด 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบนหรือพรีเมียม ใช้แบรนด์ เกรท ไททัน เป็นอาหารสุนัข แบรนด์ลินคอล์นเป็นอาหารแมว ราคาเฉลี่ย 250-300 บาทต่อถุง ราคาต่ำกว่าแบรนด์พรีเมียมต่างประเทศประมาณ 30-40% โดยกลุ่มนี้มีแบรนด์ไทยพรีเมียมประมาณ 5 แบรนด์ ส่วนอีก 95% เป็นแบรนด์นำเข้า

ส่วนกลุ่มสแตนดาร์ดของบริษัทฯ มีแบรนด์โอเล่ที่มีทั้งอาหารสุนัขและแมว ราคาเฉลี่ย 70-100 บาทต่อถุง ได้วางตลาดแบรนด์โอเล่แล้วประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนั้นมีอาหารเปียกแบรนด์ เชอร์แมน และอาหารปลาอาหารกบแบรนด์ จีไอพีฟีด ซึ่งบริษัทฯเตรียมที่จะวางลาดสินคาอื่นๆ ตามมา ซึ่งบริษัทฯ เน้นช่องทางที่เป็นร้านเพ็ตชอป 70%, โมเดิร์นเทรด 20% และออนไลน์ 10% แบ่งสัดส่วนตลาดในไทย 90% และตลาดต่างประเทศประมาณ 10% ซึ่งตลาดที่สนใจคือ อาเซียน มิดเดิลอีสต์

ในช่วงแรกจะเน้นการสร้างแบรนด์เพื่อสร้างการรับรู้ในตลาดทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรม ซีเอสอาร์ ใช้งบตลาด 5-10% จากยอดขาย ซึ่งปีแรก 2560 นี้ ตั้งเป้าแชร์ตลาดประมาณ 2% หรือมีรายได้ประมาณ 300 กว่าล้านบาท และอีก 3-5 ปีจากนี้คาดว่าแชร์จะเป็น 3% หรือมียอดขายประมาณ 400-500 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น