xs
xsm
sm
md
lg

“ไนน์ตี้โฟร์” ขยาย “ผู้หญิง-ฟูด” ปรับใหญ่สู้ศึกเชนกาแฟแข่งดุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 นงนภา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - “อโรม่ากรุ๊ป” ปรับใหญ่ ร้านกาแฟไนน์ตี้โฟร์ ในรอบ 16 ปี รับศึกเชนกาแฟล้นตลาดแข่งรุนแรง ชู 3 โมเดลสู้ ขยายฐานกลุ่มผู้หญิง เพิ่มบริการใหม่ๆ คู่อาหาร เน้นไลฟ์สไตล์ เสริมแกร่งก่อนขายแฟรนไชส์

นางสาวนงนภา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จำกัด สายงานธุรกิจร้านกาแฟ (94°Coffee) ไนน์ตี้โฟร์ คอฟฟี่ เชนกาแฟของไทย ในเครืออโรม่ากรุ๊ป เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้บริษัทฯ ได้ทำการรีเฟรชแบรนด์ร้านไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ใหม่ในรอบ 16 ปี เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดร้านกาแฟที่รุนแรงและมีการเติบโตอย่างมาก รวมทั้งมีผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น

ปีนี้จะใช้งบประมาณรวม 50 ล้านบาทในการรีโนเวตร้านทั้งหมดที่มี 10 สาขา จากเดิมที่เคยมีถึง 30 กว่าสาขา และเตรียมที่จะเปิดร้านแฟลกชิปสโตร์แห่งแรก 1 สาขา อยู่ระหว่างการหาทำเล ขณะนี้ได้ทำการรีโนเวตสาขาเดิมเสร็จแล้ว 1 แห่ง คือ ที่สาขาโกลเด้นเพลซ ถนนเลียบทางด่วนรามอินทราเอกมัย ซึ่งเป็นสาขาแรก ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ของร้านจะเป็น Concept "94°Coffee Revival" เน้นความเป็นไลฟ์สไตล์ มีบริการเพิ่มขึ้นและเพิ่มเมนูอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แต่ยังคงเน้นเครื่องดื่มกาแฟเป็นหลัก มีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ด้วย

“คอนเซ็ปต์ใหม่ของร้านไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ คือ ทำให้เหมือนห้องนั่งเล่น ในบรรยากาศสบายๆ เพื่อให้ 94°Coffee ได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและอยู่ในไลฟ์สไตล์ ของทุกคน เพราะร้าน คอฟฟี่ คาเฟ่ เป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตาย และเรื่องไลฟ์สไตล์เป็นของคู่กับคนเราไปตลอดชีวิต แต่รูปแบบก็อาจจะปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภค ลูกค้ามีความคาดหวังต่อร้านกาแฟมากขึ้น เทรนด์ของคนปัจจุบัน กับไลฟ์สไตล์หรือความคาดหวัง เพราะปัจจุบันลูกค้าไม่ได้มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์เพียงอย่างเดียว แต่จะแสวงหาประสบการณ์ที่ดี หาสถานที่ที่ตอบโจทย์กับ ไลฟ์สไตล์ในยุคใหม่ ทั้งด้านการเรียน การพบปะสังสรรค์ รวมทั้งการทำงานที่ไม่ได้ยึดติดแค่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยสาขาที่มีการปรับโฉมใหม่ ได้แก่ สาขาโกลเด้นเพลส พระราม 9, สาขาลาดพร้าว 20, สาขาโกลเด้นเพลส สะพานสูง และสาขาภายในสนามบินเชียงใหม่ ทั้ง 2 สาขา” นางสาวนงนภากล่าว

ส่วนรูปแบบร้านจะมี 3 โมเดลคือ 1. ร้านแฟลกชิปสโตร์ จะเปิดไม่มาก เน้นทำเลศักยภาพ พื้นที่ 250 ตารางเมตร 2. โมเดลร้านมาตรฐาน พื้นที่ 100 กว่าตารางเมตร ลงทุน 5-6 ล้านบาท และ 3. โมเดลคอร์เนอร์ พื้นที่ 20 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 1-2 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่สาขาเดิมจะเป็นแบบโมเดลที่ 2 โดยรวมแล้วจะเปิดโมเดลร้านมีเดียมหรือร้านมาตรฐานเป็นหลัก เน้นทำเลสแตนด์อะโลน ตามแผนงานจะเปิดใหม่เฉลี่ยปีละประมาณ 5 สาขาเท่านั้นโดยขึ้นอยู่กับทำเลและโอกาส แต่ปีนี้คงจะเปิดใหม่เพียงแห่งเดียวคือแฟลกชิปสโตร์

ขณะที่กลยุทธ์การขายแฟรนไชส์นั้น หลังจากที่มีการรีเฟรชแบรนด์และรีโนเวตร้านเดิมแล้ว คาดว่าอีก 2 ปีจากนี้จะเริ่มการขายแฟรนไชส์ได้เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของร้านเดิมนั้นมีแฟรนไชส์อยู่แล้ว 3 สาขา

อีกทั้งจะขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มคนทำงาน อายุ 25-35 ปี หรือคนรุ่นใหม่รวมทั้งกลุ่มผู้หญิงด้วย โดยใช้กลยุทธ์ออนไลน์มีเดีย เจาะกลุ่มลูกค้าที่ Niche มากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วจากการเปิดร้านมานาน และจะเริ่มทำระบบฐานสมาชิกอย่างเป็นจริงเป็นจังเพื่อทำลอยัลตีโปรแกรมกับลูกค้า

นางสาวนงนภากล่าวว่า ปีที่แล้วไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ รายได้ไม่ได้เติบโตมากนักเพราะอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง แต่คาดว่าหลังจากที่ปีนี้ปรับเสร็จเรียบร้อยและทำการตลาดเต็มที่จะเติบโตสูงถึง 20% และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% ของรายได้รวมอโรม่ากรุ๊ปที่มีหลายธุรกิจ เช่น ร้านกาแฟชาวดอยเน้นตลาดแมส ธุรกิจกาแฟคั่วบด ธุรกิจจำหน่ายเครื่องชงและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกาแฟ เป็นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น