ผู้จัดการรายวัน 360 - กระทรวงท่องเที่ยวไทยตอบรับ “50 ปี อาเซียน” รุกสร้างตลาดเดี่ยวดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกเสริมความแข็งแกร่งให้ทั้งภูมิภาคเพื่อแข่งขันกับเศรษฐกิจระดับโลกอย่างจีน สหภาพยุโรป อินเดีย ส่วนซีอีโอ AirAsia เดินหน้าผลักดัน ASEAN Single Visa สร้างความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางหลายประเทศ เพื่อสร้างงานและรายได้
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ใช้เวทีการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกประจำปี 2560 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพนำเสนอแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเดินทางของไทยและอาเซียน ประชากรมหาศาลถึงกว่า 600 ล้านคน โดยกล่าวว่า อาเซียนมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอยู่ 2 ด้าน ประการแรกคือ กลุ่มการท่องเที่ยวทางไกล (Long Haul) เน้นที่ตลาดที่อยู่ไกลออกไป เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง โดยจัดแพกเกจการท่องเที่ยวที่มีสถานที่ปลายทาง 2-3 ประเทศ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือ การท่องเที่ยวภายในอาเซียน (Intra-ASEAN) ซึ่งจะเน้นการโปรโมตการเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์ ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness) การรักษาพยาบาล และการศึกษา
สำหรับการเดินทางทางอากาศในภูมิภาค นางกอบกาญจน์กล่าวว่า สายการบินแบบประหยัดมีบทบาทสูงมากในการส่งเสริมการเดินทางในภูมิภาค ยกตัวอย่างในภูมิภาคอินโดจีน (CLMV) ปัจจุบันมีเที่ยวบินที่เริ่มต้นในไทยกว่า 600 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยมีบินไปพม่าถึง 299 เที่ยวบิน เวียดนาม 190 เที่ยวบิน กัมพูชา 108 เที่ยวบิน และลาวอีก 61 เที่ยวบิน ส่วนการเดินทางทางบกก็เป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้อานิสงส์จากการพัฒนาทางหลักเชื่อมต่อระหว่างทิศตะวันออกกับตะวันตก และระหว่างทิศเหนือกับทิศใต้ของไทย โดยไม่เพียงแต่จะเป็นถนนทางหลวงสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถโดยสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถไฟ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง เช่น จากเวียดนามและกัมพูชาก็สามารถไปพม่าโดยผ่านไทย จากจีนและลาวก็สามารถลงไปถึงมาเลเซียและสิงคโปร์ได้ด้วยการผ่านไทยเช่นกัน
นางกอบกาญจน์กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยต้องมุ่งมั่นรักษาความเป็นศูนย์กลางคมนาคมในภูมิภาค แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องแก้ไขคือ การเดินทางทางน้ำที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้สมกับศักยภาพที่มีอยู่ โดยเฉพาะทางทะเล ซึ่งในขณะนี้หลายๆ ฝ่ายรวมถึงกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ของไทยก็กำลังวางแผนร่วมกับภาคเอกชนและกระทรวงท่องเที่ยวของประเทศอาเซียนเพื่อพัฒนาสินค้า และบริการ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ภูมิภาคนี้กลายเป็น “ทะเลแคริบเบียนแห่งอาเซียน” สำหรับเรือสำราญ เรือยอชต์ และเรือซูเปอร์ยอชต์
ขณะเดียวกันยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวสูง นั่นคือ แม่น้ำโขง ที่ไหลจากจีนผ่านถึง 5 ประเทศในอินโดจีน คือ พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งต้องให้ความสำคัญมากขึ้น
นางกอบกาญจน์ยอมรับว่าโครงการต่างๆ เหล่านี้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการทุกอย่างได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า อีกทั้งยังต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดเพื่อผลักดันให้เกิด “ซิงเกิล วีซ่า” (Single Visa) อย่างที่ยุโรปมี “เชงเกน วีซ่า” เพื่อให้นักท่องเที่ยวนักเดินทางเข้ามาในประเทศในภูมิภาคได้สะดวกง่ายดายขึ้น ทั้งนี้ ทุกประเทศต่างมีความปรารถนาเดียวกัน แต่เนื่องจากมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากมายในทั้ง 10 ประเทศ จึงทำให้ดำเนินการไม่รวดเร็วเท่าที่ควร นอกเหนือจากนี้ยังมีตลาดท่องเที่ยวที่มองข้ามไม่ได้อีกตลาดหนึ่งในโครงการ “Travel for All” ที่ส่งเสริมการบริการท่องเที่ยวเพื่อบุคคลพิการ โดยได้มีการจัดงานส่งเสริมธุรกิจนี้ที่ขอนแก่นเมื่อปีกลายที่ผ่านมา
ด้าน นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบิน AirAsia กล่าวว่า เราต้องการผลักดันสองเรื่องที่จะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการเดินทางและท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน และการเดินทางเชื่อมโยงกับเอเชียคือ Common Ownership โดยอยากให้ยกเลิกเพดานการถือหุ้นสายการบิน 49% หรือให้ถือหุ้นได้ 100% ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และอีกเรื่องคือ “ASEAN Single Visa” ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางได้ในหลายประเทศ และจะช่วยให้อาเซียนได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างรายได้และการจ้างงานได้มาก
“AirAsia ไม่กลัวการแข่งขัน เพราะเป็นสายการบินที่คิดก่อน ทำก่อนสายการบินอื่นๆ และมองการแข่งขันเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ผู้บริหารสายการบินต้องคิดและวางแผนเพื่อพัฒนา และปรับปรุงบริการ มองหาเส้นทางใหม่ๆ เป็นต้น สำหรับ AirAsia ซึ่งเป็นสายการบิน Medium Haul บินในเส้นทางบินระหว่าง 4-10 ชั่วโมง และมองเห็นโอกาสทางการตลาดให้บริการในเส้นทางที่สายการบินขนาดใหญ่ไม่สนใจ คือ จะขยายเส้นทางบินโดยการเพิ่มเที่ยวบินต่อจากเมืองใหญ่ไปยังเมืองรอง และระหว่างเมืองรองกับเมืองรอง รวมถึงเมืองรองกับเมืองชั้น 3 นอกจากนี้ สายการบินปกติจะลดความสำคัญและคาดว่าเลิกให้บริการในชั้นประหยัดในอนาคต โดยให้บริการ Premium Economy เข้ามาแทน และเน้นที่นั่งชั้น First Class และ Business Class” นายโทนี่กล่าว
ทางด้าน นายอรุณ มิชรา ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กล่าวว่า ICAO กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลทุกประเทศในอาเซียน โดยหวังที่จะเห็นทุกรัฐบาลสามารถปรับกฎระเบียบการบินให้สอดคล้องผสานกัน และเปิดเสรีการจ้างงานเพื่อให้เสริมความเข้มแข็งความสามารถในการแข่งขันให้กับสายการบินภูมิภาคซึ่งต้องแข่งกับสายการบินสากล
ส่วน นายอารีฟ ยาย่า รัฐมนตรีการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่เปิดกว้างต่อนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเพราะมีถึง 169 ประเทศไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ โดยเห็นด้วยว่าอาเซียนต้องร่วมกันทำงานเพราะต้องแข่งกับตลาดคู่แข่งอย่างจีน เป็นต้น