บมจ.พลังงานบริสุทธิ์จับมือพันธมิตรจีนและไต้หวันเตรียมผุดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมขนาด 50 GWh ต่อปี ขนาดใหญ่สุดในโลกในพื้นที่อีอีซี คาดลงทุนแสนล้านบาท คาดช่วยเพิ่มจีดีพีโตขึ้น 3.6%
วันนี้ (11 เมษายน) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงนามความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม New S-Curve และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยตั้งเป้าดำเนินการเสร็จภายใน 2 ปี มีบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับพันธมิตรจีน คือ “Shenzen Growatt New Energy Technology” และ “Amita Technologies” จากไต้หวันตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในไทยเป็นรายแรกที่จะเข้าลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า บริษัทและพันธมิตรจากจีนและไต้หวันมีแผนลงทุน 5 ปีผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม เริ่มก้อนแรกปี 2561 กำลังผลิตเริ่มต้น 1 Gigawatt hours (GWh) ต่อปี หลังจากนั้นลงทุนระยะ 2 เพิ่มกำลังผลิตเป็น 50 GWh ต่อปี ใช้สำหรับเก็บพลังงานหลักที่มีความต้องการสูง วงเงินลงทุนทั้งหมด 100,000 ล้านบาท ตลาดเป้าหมายคือ ประเทศเพื่อนบ้าน โรงงานแห่งนี้จะผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าของเทสล่าที่มีกำลังผลิต 25 GWh ต่อปี
นายเจน นำชัยศิริ ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.ร่วมกับ กนอ.คัดเลือกโครงการเป้าหมายที่มีความสำเร็จสูงเป็นฐานพัฒนาอุตสาหกรรม New S-Curve และ First S-Curve เป็นโครงการนำร่องเริ่มต้นจาก “อุตสาหกรรมสำรองไฟฟ้า” Energy Storage หากมีการส่งเสริมจากภาครัฐเต็มระบบ คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่ามากขึ้นถึง 10 เท่า และมีขนาดตลาดประมาณ 500,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตลาดแบตเตอรี่ในไทยที่มีประมาณ 50,000 ล้านบาท จะสามารถสร้างจีดีพีในสัดส่วน 3.6% ของจีดีพีประเทศ
สำหรับอุตสาหกรรมหลักในตลาดที่มารองรับ คือ 1. ระบบสำรองไฟฟ้า Energy Storage สำหรับระบบกักเก็บไฟฟ้าของประเทศ Generation Unit และ Distribution รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ เพื่อความเสถียรของระบบไฟฟ้าของประเทศ และใช้ในช่วงความต้องการไฟฟ้าสูง 2. ระบบสำรองไฟฟ้า Energy Storage ใช้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าประเภท Hybrid Electric Vehicle (HEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) Battery Electric Vehicle (BEV) และอื่น ๆ และ 3. ระบบสำรองไฟฟ้า Energy Storage สำหรับอุตสาหกรรมประเภทอุปกรณ์สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สำหรับโทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าฯ กนอ. กล่าวว่า โครงการสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม New S-Curve และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจะพิจารณาใช้พื้นที่ก่อสร้างนิคมในเขตอีอีซีประมาณ 1,000-2,000 ไร่ โดยจะพิจารณาความเหมาะสมต่อไป วงเงินลงทุนสร้างนิคมประมาณ 3,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างปีนี้