ผู้จัดการรายวัน 360 - “แม็คโคร” โชว์รูปแบบการลงทุน 4 รูปแบบ เน้นตลาดโฮเรกาเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในแต่ละท้องถิ่น เตรียมงบ 3-4 พันล้านบาทขยายสาขาเพิ่มอย่างน้อย 7 แห่ง พร้อมรุกตลาดกัมพูชาในปี 2560 จากที่มีอยู่ 115 แห่ง คาดรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์ค้าส่งสินค้าอุปโภค-บริโภค “แม็คโคร” เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีรูปแบบการลงทุนขยายสาขา 4 ลักษณะ คือ 1. “แม็คโคร คลาสสิก” ขนาดใหญ่บนพื้นที่ 5 พัน ตร.ม.-1.3 หมื่น ตร.ม. ใช้งบลงทุนสาขาละ 500 ล้านบาท จำนวน 87 สาขา เน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักคือร้านโชวห่วยและกลุ่มธุรกิจโฮเรกา (โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง) 2. “แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส” ขนาดไม่เกิน 5 พัน ตร.ม. ใช้งบลงทุนสาขาละ 200-300 ล้านบาท จำนวน 17 สาขา เน้นกลุ่มธุรกิจโฮเรกา 3. “แม็คโคร ฟูดชอป” ขนาด 2-3 พัน ตร.ม. ใช้งบลงทุนสาขาละ 100 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าโชวห่วยและธุรกิจค้าปลีก และ 4. “แม็คโคร ฟูดโฟรเซ่น” ขนาดเกิน 1 พัน ตร.ม. (อาคารพาณิชย์ 2-8 ห้องแถว) เน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อลูกค้ากลุ่มธุรกิจโฮเรกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนในรูปแบบฟูดเซอร์วิสและฟูดชอปมีการเติบโตประมาณ 20% โดยกลุ่มลูกค้าภัตตาคารและร้านอาหารมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของกลุ่มธุรกิจโฮเรกาจากจำนวนลูกค้าสมาชิกทุกกลุ่มทั้งหมด 3 ล้านราย ขณะที่ในปี 2559 บริษัทฯ มีการขยายสาขาทั้งสิ้น 17 แห่ง แบ่งเป็นคลาสสิก 9 แห่ง ฟูดเซอร์วิส 5 แห่ง ฟูดชอป 2 แห่ง ฟูดโฟรเซน 1 แห่ง ส่วนในปี 2560 มีแผนใช้เงินลงทุน 3-4 พันล้านบาท ขยายสาขาประมาณ 7 แห่ง เน้นรูปแบบฟูดเซอร์วิสและฟูดชอปเป็นหลัก โดยกำหนดเป็นรูปแบบคลาสสิกขนาดใหญ่ 2 แห่ง
“การพัฒนาศูนย์จําหน่ายสินค้าในรูปแบบฟูดเซอร์วิสทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในแต่ละท้องถิ่นซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยว ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมการรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น”
ในส่วนของแผนการลงทุนต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชาเมื่อเดือนกันยายน 2559 คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแรกได้ภายในสิ้นปี 2560 ส่วนการซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฮ่องกง เมื่อปลายปี 2559 รวมถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศอินเดีย เมื่อต้นปี 2560 ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
นางสุชาดากล่าวด้วยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2560 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารสดและอาหารแช่แข็งยังมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง