ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์การแพทย์ที่ให้บริการทางด้านสุขภาพและความงามครบวงจร มีขนาดและการบริการที่ใหญ่เป็นระดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียสำหรับ “เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์” (Apex Medical Center)
“เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์” มีบริการที่ครอบคลุมทั้งด้านผิวหนัง เลเซอร์เพื่อความงาม ผิวพรรณ การปรับรูปหน้า ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรมเพื่อความงาม การปลูกผม Robotic Hair Transplant การลดสัดส่วนและดูดไขมัน ตลอดจนการมีบริการที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เซลล์บำบัดด้วยไขมันจากคนไข้เอง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้มาตรฐานเดียวกับสถาบันการแพทย์ชั้นนำในฮอลลีวู้ด ควบคุมดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ยาวนาน
ล่าสุด “เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์” นำทีมแพทย์ผิวหนังไทยฝีมือดี ผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งและฟื้นฟูใบหน้าให้ “ฮวง ตัง ธิ ธู เฮิง” นักศึกษาพยาบาลชาวเวียดนามที่ถูกน้ำกรดสาดจนผิวหน้าไหม้ 75% ตาซ้ายบอดและไม่สามารถเปิด หรือปิดเปลือกตาได้ ส่วนตาขวาไหม้ระดับ 1 จนทำให้ใบหน้าเสียโฉม ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก เพราะต้องคอยปกปิดใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
แม้เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาแล้วประมาณ 1 ปี ล่าสุดเธอตอบรับเข้าทำศัลยกรรมด้วยความหวังว่าทีมศัลยแพทย์ไทยว่าจะช่วยเหลือให้เธอกลับมาทำงานและมุ่งหน้าทำอาชีพที่เธอรักมาตลอดคือ “พยาบาลฝึกหัด” เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและฝีมือของแพทย์ไทย ตลอดจนประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการฟื้นฟูผิวและศัลยกรรมผิวหนังที่ทันสมัยในระดับต้นๆ ของโลก รวมถึงห้องผ่าตัดที่ทันสมัย เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครันของ “เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์”
ทีมแพทย์ “เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์” กล่าวถึงการรักษาเคสใบหน้าที่ถูกน้ำกรดลักษณะนี้ว่าสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดเลาะพังผืดออก แล้วนำเนื้อเยื่อเมือกจากในปากมาเย็บติดด้านในของเปลือกตาและใส่ตาปลอมทับไปบนตาจริง ส่วนแนวทางการรักษาได้วางแผนว่าจะผ่าตัดเลาะพังผืดออกและนำเนื้อเยื่อเมือกจากในบริเวณช่องปากมาเย็บติดด้านในของเปลือกตาและวางเยื่อรกบนลูกตาโดยมีการใส่แผ่นพลาสติกกันพังผืดเกิดซ้ำเอาไว้
ผลที่จะได้รับในการทำศัลยกรรมในเคสนี้โดยรวม “พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ” ผู้ก่อตั้ง “เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์” กล่าวสรุปว่า ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะสามารถใส่นัยน์ตาปลอมและลืมเปลือกตาได้เล็กน้อย รวมทั้งสามารถนอนหลับได้บ้าง แต่ยังคงต้องติดตามผลในวันที่ผ่าตัดอีกครั้งว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก เนื่องจากแผลเป็นที่ค่อนข้างรุนแรง คนไข้อาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง โดยทำการตัดแผลเป็นนูนและดึงรั้งบริเวณริมฝีปากบน ล่าง และใต้ปีกจมูกข้างซ้าย แก้ไขริมฝีปากและปีกจมูกที่โดนดึงผิดตำแหน่งให้กลับมาใกล้เคียงสภาวะปกติ ทำการปลูกถ่ายหนังจากขาหนีบมาทดแทนเพื่อให้แผลเป็นเรียบขึ้น
การถูกน้ำกรดสาดและวิธีการรักษาโดยเบื้องต้นผิวผู้ป่วยจะมีแผลเป็น ผิวหนังไหม้ถึง 75% จึงมีแผลเป็นอยู่ทั่วใบหน้า แนวทางการรักษาจึงจะต้องมีการฟื้นฟู สร้างผิวใหม่ หลังจากที่ได้มีการแก้ไขผ่าตัดเลาะเอาพังผืดที่ดึงใบหน้าให้ผิดปกติออกแล้ว หมอก็จะใช้เลเซอร์รักษาแผลเป็น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผิวใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ล่าสุดที่มีผลข้างเคียงน้อยและเห็นผลได้รวดเร็ว โดยผสมผสานกันหลายตัวเพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหาแผลเป็น เลือกทำเลเซอร์ Resurfacing ส่วนรอยแดงก็ใช้เลเซอร์กำจัดเม็ดสีล่าสุดที่ทำลายเม็ดสีด้วยความเร็วแสงในระดับ 1/ล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีแตกกระจายโดยไม่เกิดการสะสมความร้อน จึงไม่เสี่ยงผิวไหม้ ควบคู่กับการฉายแสง LED เพื่อเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังและฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังจะมีการฉีดสเต็มเซลล์จากไขมันของคนไข้เองเพื่อปรับแต่งรูปหน้าและเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังจากภายใน
พญ.นันทภัทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในทางการแพทย์คงสามารถช่วยให้ใบหน้าเธอดีขึ้นได้บ้างซึ่งก็หมายถึงช่วยให้ชีวิตเธอดีขึ้นได้ด้วยเราจึงอยากจะช่วย นอกจากนั้นยังต้องการเผยแพร่ความสามารถของแพทย์ไทยด้วยว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความสามารถในลำดับต้นๆ ของโลก เรียกว่าฝีมือไม่เป็นรองใคร ในส่วนของเทคโนโลยีก็เช่นกัน เทคโนโลยีระดับโลกล่าสุดมีอะไร ในเมืองไทยก็มีหมดเหมือนกัน ไม่ต้องบินไปรักษาไกลๆ ถึงเกาหลี ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา”
เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์การแพทย์ในภูมิภาคนี้ได้ไม่ยากจากความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี !