บีโอไอเผยประเทศไทย 4.0 เริ่มเดินหน้า ผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกเล็งใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ป้อนตลาดต่างประเทศ
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะลงทุนในกิจการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการเป้าหมายของการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ถึงเดือนมกราคม 2560 บีโอไอได้อนุมติส่งเสริมการลงทุนในกิจการวิจัยและพัฒนา รวม 17 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,506 ล้านบาท
โครงการวิจัยและพัฒนาที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว และสามารถเริ่มลงทุนได้ในเร็วๆ นี้ครอบคลุมในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และเป็นการลงทุนของบริษัทชั้นนำในหลายโครงการ อาทิ กิจการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กราฟิน (Graphene) จัดอยู่ในกลุ่มนาโนเทคโนโลยี มีคุณสมบัติพิเศษที่เมื่อมีการจัดเรียงโครงสร้างแล้วจะเป็นวัสดุที่แข็งกว่าเหล็กประมาณ 5 เท่าของบริษัทเฮเดล เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำด้านการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมรายใหญ่ของโลกจากอังกฤษ โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว
การลงทุนกิจการวิจัยและพัฒนาคุณสมบัติของยางและผลิตภัณฑ์จากยางเพื่อรองรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ของบริษัทในเครือบริษัท โคโคคุ อินเทค จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ตามโครงการจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของไทย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาคุณสมบัติของยางและผลิตภัณฑ์จากยาง สำหรับอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายน้ำเกลือ ถุงน้ำเกลือ สายยางถ่ายเลือด เป็นต้น เพื่อป้อนให้แก่บริษัทในเครือ 12 แห่งทั่วโลก
การลงทุนกิจการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนและระบบต่างๆ ของรถยนต์ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโต โมทีฟ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ มีการออกแบบทางวิศวกรรมและเทคนิคเพื่อคิดค้น ออกแบบชิ้นส่วนและส่วนประกอบ รวมถึงระบบต่างๆ ในรถยนต์ เพื่อพัฒนาเป็นชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ต้นแบบโดยใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน
นางหิรัญญากล่าวว่า บีโอไอมั่นใจว่าแนวโน้มการลงทุนในกิจการวิจัยและพัฒนาในปี 2560 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฉบับแก้ไข และพระราชบัญญัติเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยดึงดูดโครงการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง การวิจัยและพัฒนา โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้มากกว่า 8 ปี รวมถึงการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการทดสอบที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ในปี 2560 บีโอไอยังมีแผนจะจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนบริษัทเป้าหมายในกลุ่ม เทคโนโลยี นวัตกรรมขั้นสูง รวมถึงการวิจัยพัฒนา เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น