ผู้จัดการรายวัน 360 - “เป๊ปซี่” ปัดฝุ่น “เกเตอเรด” รุกตลาดใหม่อีกครั้ง ชูโมเดลทำเองครบวงจร ทุ่ม 80 ล้านปีนี้ ลุยดันขึ้นท็อปไฟว์ ก่อนขอเป็นท็อปทรีปีหน้า เผยตลาดรวม 5.3 พันล้านบาทติดลบ
นายสมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มเกลือแร่ เกเตอเรด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ปีที่แล้ว(2559) ตลาดรวมตกลง 2% มีมูลค่ารวม 5,300 ล้านบาท จากเดิมก่อนหน้านี้ตลาดเติบโตเฉลี่ย 10-15% ทุกปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ก็มีหลายแบรนด์ใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากหลายปัจจัย เช่น คนไทยนิยมออกกำลังกายมากขึ้น งานอีเวนต์กีฬาที่มีจำนวนมากส่งผลให้เครื่องดื่มเกลือแร่โตตามด้วย เช่น งานอีเวนต์เกี่ยวกับวิ่งมีมากกว่า 600 อีเวนต์ต่อปี หรืองานขี่จักรยานมีมากกว่า 100 อีเวนต์ต่อปี
อีกทั้งตลาดยังแฝงอยู่กับตลาดน้ำดื่มด้วยเพราะยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ออกกำลังกายแล้วแต่ยังดื่มน้ำเปล่า ยังไม่ได้หันมาดื่มเกลือแร่ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องช่วยกันสร้างความใจว่าการออกกำลังกายเสร็จร่างกายต้องการเกลือแร่กลับสู่ร่างกายมากกว่าน้ำเปล่า
ล่าสุดบริษัทฯ ได้นำเกเตอเรดกลับมาทำตลาดในเชิงรุกอีกครั้งเมื่อต้นปี 2560 นี้ หลังจากที่ก่อนหน้ามีคู่ค้าเป็นผู้ผลิตและทำตลาดให้ และถือว่าเป็นการรุกตลาดอย่างเต็มที่ ในโมเดลที่เป็นผู้ผลิตเองที่โรงงานที่ระยอง การขนส่งสินค้า การจัดจำหน่ายเองทั้งหมด ด้วยเครือข่ายของเป๊ปซี่ในไทย ซึ่งมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเกเตอเรดที่เป็นผู้นำตลาดในกว่า 27 ประเทศทั่วโลกจะทำให้รุกตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปีนี้ใช้งบการตลาดรวม 80 ล้านบาท ปรับใหม่ทั้งหมด ทั้งแพกเกจจิ้ง โดยมีนักกีฬาดังระดับโลกงบนขวด 3 รสชาติ คือ กลิ่นบลูบลาส มีโปรเม-เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟหญิงอันดับสองของโลกของไทย, กลิ่นมะนาวมี ลีโอเนล เมซสี นักฟุตบอลดัง และกลิ่นองุ่นมีเซเรน่า วิลเลียมส์ นักเทนนิสระดับโลก
นายสมชัยกล่าวว่า ปีนี้วางเป้าหมายที่จะผลักดันเกเตอเรดให้ติด ท็อปไฟว์ในไทย ให้ได้ และปีหน้าจะติดท็อปทรีให้ได้ จากปัจจุบันที่ยังมียอดขายยังน้อยอยู่ โดยผู้นำตลาดมีความแข็งแกร่งมากมีส่วนแบ่งตลาด 80% ส่วนแบรนด์อันดับที่ 2 แชร์ประมาณ 6-75 นอกนั้นก็จะมีส่วนแบ่งที่ใกล้เคียงกันไม่มากนัก
แผนหลักๆ ปีนี้ คือ สร้างทัศนคติผู้บริโภคให้หันมาดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่มากขึ้นหลังจากการออกลังกายเสร็จแล้ว การแจกชิมประมาณ 1 ล้านขวด วางแผนใช้สื่อโฆษณาในจุดที่เป็นคอนซูเมอร์ทัชพ้อยท์ทั้ง สนามกีฬา สนามฟุตบอล สนามกอล์ฟ สนามแบดมินตัน ฟิตเนส เบื้องต้นใช้สื่อออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่สัดส่วน 30% ของงบรวม โดยพบว่าคนไทยกว่า 37% ชอบออกกำลังกาย และกลุ่ม Gen-Z ออกกำลังกายมากที่สุดด้วยสัดส่วน 57% รองลงมา คือ Gen-Y ประมาณ 40% เดินหน้าผนึกพันธมิตรในการสนับสนุนวิ่งมาราธอนชั้นนำเช่น จอมบึงมาราธอน, ภูเก็ตมาราธอน ริเวอร์แคว์ฮาล์ฟมาราธอน เพื่อสร้างแบรนด์
