xs
xsm
sm
md
lg

“ทิปโก้” ซื้อหุ้นคืนจาก “ซันโตรี่” รุกตลาดล่าง ชูสูตรโกลบัลแบรนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูด์ จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดการรายวัน 360 - “ทิปโก้” ซื้อหุ้นคืนจาก “ซันโตรี่” ในบริษัทร่วมทุน พร้อมเปิดสูตรดันน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋องรุกตลาดโลกสู่โกลบอลแบรนด์เต็มที่ ชงหลากกลยุทธ์ ทั้งร่วมทุน-ตั้งโรงงาน-โคแพกเกอร์” พร้อมมั่นใจตลาดน้ำผลไม้ในไทยยังโตได้อีก เพราะคนไทยยังดื่มน้อย สยายปีกตลาดล่างราคา 10 บาทรุกต่างจังหวัด

นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายให้ทิปโก้เป็นโกลบัลแบรนด์ของตลาดน้ำผลไม้ และผลไม้กระป๋อง ภายในช่วง 3 ปีจากนี้ จากปัจจุบันเป็นรีจินัลแบรนด์แล้ว โดยน้ำผลไม้จะทำตลาดเพิ่มเป็น 50 ประเทศจากขณะนี้ 30 ประเทศ ส่วนผลไม้กระป๋องจะเพิ่มเป็น 70 ประเทศ จากขณะนี้ 50 ประเทศ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัท ซันโตรี่ จำกัด ได้เข้าร่วมทุนในบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด บริษัทย่อยของบริษัทฯ ในสัดส่วน 50% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ TFB ในปี 2550 เป้าหมายเพื่อขยายตลาดทั้งในประเทศและอาเซียน โดยปี 2556 ได้โอนย้ายการถือครองหุ้นมายังบริษัท ซันโตรี่ เบฟเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย จำกัด (ผู้ขาย) ให้เป็นผู้ถือหุ้น TFB แทน Suntory Limited ในสัดส่วน 50% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ TFB ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 60 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ยกเลิกการร่วมทุนกับผู้ขาย เนื่องจากมีปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจและอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อเงินลงทุนใน TFB ที่ผู้ขายได้ถือครองอยู่ทั้งหมด จึงส่งผลให้บริษัทเข้าถือหุ้นเพิ่มเติมใน TFB เป็นสัดส่วน 99.99% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ TFB คาดว่าจะทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อการรุกตลาดโลกเต็มตัว
เอกพล พงศ์สถาพร (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูด์ จำกัด (มหาชน)
กลยุทธ์รุกตลาดโลกจะใช้ทุกโมเดล คือ 1. การส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นช่องทางหลัก 2. การแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย เช่น ฟิลิปปินส์ คือ เดลมอนเต้ และเกาหลี และรูปแบบใหม่ 3. การร่วมทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์บางราย 4. การตั้งโรงงานในต่างประเทศ 5. การทำโคแพกเกอร์กับพันธมิตร ทั้งนี้คาดว่าภายในช่วง 1-2 ปีนี้จะเห็นผลชัดเจน

ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออกสัดส่วน 50% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 55% ในอีก 3 ปีจากนี้ ซึ่งปีที่แล้วรายได้ส่งออกโต 18% ตลาดหลัก เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกา ซึ่งจะมีการออกรสชาติใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่ และการทำตลาดในต่างประเทศ เช่น ที่ฟิลิปปินส์ เริ่มทำตลาดเองแล้วร่วมกับคู่ค้า และการขยายตลาดประเทศใหม่ๆ

สำหรับตลาดในไทย น้ำผลไม้มีมูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท เติบโต 3-5% และปีนี้ก็เช่นกัน โดยแบรนด์ทิปโก้เป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์รวม 13% ขณะที่แบ่งเป็น ตลาดพรีเมียม 100% มูลค่า 4,500 ล้านบาท ทิปโก้เป็นผู้นำ แชร์ 40%, ตลาดกลาง 1,500 ล้านบาท และตลาดระดับล่างที่มีส่วนผสมต่ำกว่า 20% มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งทิปโก้เริ่มเข้าตลาดนี้ราคา 10 บาท เน้นตลาดต่างจังหวัด ซึ่งตลาดน้ำผลไม้ในไทยเติบโตไม่มาก ยังมีโอกาสอีกมากเนื่องจากคนไทยดื่มน้ำผลไม้เฉลี่ยแค่ 4 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น ยังต่ำมาก ส่วนที่แคนาดา อเมริกา เฉลี่ย 20 ลิตรต่อคนต่อปี

นายเอกพลกล่าวว่า บริษัทฯ จะขยายธุรกิจต่อเนื่อง 4 กลุ่มหลัก คือ 1. ผลไม้กระป๋องส่งออก จะขยายคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งอีก สัดส่วนรายได้ 45% 2. เครื่องดื่ม เช่น น้ำแร่ออร่า ที่โต 18% จากตลาดรวมน้ำแร่ 3,500 ล้านบาทที่โตแค่ 15% และน้ำผลไม้ทิปโก้ จะออกรสชาติใหม่ๆ สัดส่วนรายได้ 45% 3. กลุ่มรีเทล ร้านสคีวซ จะเริ่มขายแฟรนไชส์ปีนี้คาดว่าจะขายได้ 20 สาขา ปัจจุบันมี 50 สาขา ปีที่แล้วเปิด 5 สาขา และร้านออกัสเป็นอาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก เปิดแห่งแรกทึ่ตึกเมอร์คิวรี่ชิดลม และร้านหอมสุวรรณพีน่าพีน่า เปิดที่สยามพารากอน และ 4. กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับสารสกัด รวม 2 กลุ่มหลัง 10%

ปี 2560 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมมากกว่าปี 2559 ที่มีรายได้รวม 5,200 ล้านบาท โต 13% ส่วนกำไร 813 ล้านบาท โต 50%



กำลังโหลดความคิดเห็น