ดวงฤทธิ์ บุนนาค เจ้าของโครงการสร้างสรรค์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “เดอะ แจม แฟคตอรี่” (The Jam Factory) เผยหลังผุดโปรเจกต์ได้เพียง 3 ปี ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ล่าสุดเตรียมทุ่มทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท ผุด 3 โครงการใหม่ ขานรับนโยบาย Creative Economy ของภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุค Thailand 4.0
นายดวงฤทธิ์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดวงฤทธิ์บุนนาค จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ แจม แฟคตอรี่ จำกัด เจ้าของโครงการสร้างสรรค์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อ เดอะ แจม แฟคตอรี่ (The Jam Factory) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เข้ามาปรับปรุงโกดังเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านคลองสาน เพื่อทำโครงการ เดอะ แจม แฟคตอรี่ ได้เพียง 3 ปี พบว่าธุรกิจมีการขยายตัวและประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยปัจจุบันกลุ่มธุรกิจหลักประกอบด้วย
ธุรกิจร้านอาหาร The Never Ending Summer ร้านอาหารไทย ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ จนได้ทำการขยายเพิ่มเติมเป็นร้านอาหารนานาชาติอีก 1 ร้านบนพื้นที่ติดกัน ในชื่อ Summer House Project เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มีทางเลือกในการเข้ามารับประทานอาหารที่หลากหลายขึ้น ทั้งสองร้านสามารถรองรับลูกค้าได้รวมกว่า 200 ที่นั่ง
ธุรกิจร้านหนังสือก็องดิด (Candide Books) และร้านกาแฟ ไล-บรา-รี่ (Li-bra-ry Cafe) ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ชอบบรรยากาศร้านหนังสือสไตล์คาเฟ่เป็นอย่างมาก ภายในร้านมีหนังสือให้เลือกหลากหลาย รวมถึงหนังสือที่หาได้ยากในร้านทั่วไปก็มีจำหน่ายในร้านนี้ ขณะที่บรรยากาศของร้านกาแฟที่ถูกออกแบบตกแต่งอย่างเรียบง่าย สบายตา แต่ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบบรรยากาศชิลๆ เคล้าไปด้วยความเป็นอาร์ตได้อย่างลงตัว
ร้าน เอนี่รูม (Anyroom) จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และของใช้ในชีวิตประจำวันดีไซน์เก๋ ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้ามาจากต่างประเทศ แกลลอรี่ สำหรับแสดงงานของศิลปินต่างๆ
ธุรกิจสินค้าแฟชั่น ภายใต้แบรนด์ โลนลี่ ทู เล็กเก็ด ครีเจอร์ (Lonely-two-legged Creature) จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นคุณภาพดีสำหรับคนมีสไตล์ ซึ่งเตรียมจะเปิดแฟลกชิพสโตร์สาขาใหญ่ในโครงการแวร์เฮาส์ 30 ภายในเดือนหน้า รวมทั้งจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่งในปีนี้
ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เรโวลูชัน แดฟโฟดิล จำกัด (Revolution Daffodils) ดูแลนิตยสาร 3 เล่ม ประกอบด้วย The Jam Factory Magazine ฟรีแมกกาซีนว่าด้วยเรื่องราวศิลปะ ดีไซน์ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ที่สะท้อนเรื่องราวของคนยุคปัจจุบัน จับกลุ่มเป้าหมายอายุ 25-45 ปี, Rubbers Magazine นิตยสารที่นำเสนอพรีเมียมไลฟ์สไตล์แนวใหม่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ และ GT Magazine (เจเนอเรชัน เทอเรอร์ริสต์ : Generation Terrorist) ฟรีแมกกาซีนที่นำเสนอเรื่องราวสำหรับผู้ชื่นชอบดนตรี
“หลายคนสงสัยว่าตอนนี้ธุรกิจสิ่งพิมพ์อยู่ในช่วงขาลงแล้วทำไมเรายังกล้าลงทุนกับธุรกิจนี้ อย่างแรกคือเรามองเห็นโอกาส โอกาสที่เราจะสามารถขยายขอบเขตทางความคิดสร้างสรรค์ของเราออกไปยังกลุ่มคนในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่จำกัดอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ข้างตลาดคลองสานเท่านั้น เราอยากให้หนังสือของเรานำพาแรงบันดาลใจไปสู่โลกของความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น เพื่อปลุกกระแสสังคมให้นำความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแต่ละคนออกมาใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และอีกประการคือ เรามีกิจกรรมต่างๆ ที่ยึดโยงเข้ากับกลุ่มคนอ่านซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่รวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น ส่งผลให้การทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ของเรามีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย” ดวงฤทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ยังมี บริษัท บริสค์ ครีเอทีฟ อินดัสทรี (Brisk Creative Industry) ทำหน้าที่เป็นเรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ เพื่อวางกลยุทธ์ทางด้านแบรนดิ้ง และการตลาดให้แก่โครงการของเดอะ แจม แฟคตอรี่ และร่วมกับโครงการอื่นๆ เพื่อให้การทำงานมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันและกัน
สำหรับในปี 2560 นี้ ดวงฤทธิ์กล่าวว่า เดอะ แจม แฟคตอรี่ เตรียมทุ่มทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท ขยายการลงทุนไปยังโครงการธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการ แวร์เฮาส์ 30 (Warehouse 30) ไลฟ์สไตล์ คอนเซ็ปต์สโตร์ ที่ปรับปรุงโกดังเก่ามาทำในลักษณะเดียวกับเดอะ แจม แฟคตอรี่ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโครงการมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ สินค้าแฟชั่น และไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ในเดือนมีนาคมนี้
โครงการที่ 2 คือ โฮเทล โบคาจ(Hotel Bocage, A very small hotel by Duangrit Bunnag) โรงแรมแนวคิดใหม่ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำหนดเปิดให้บริการในเฟสแรก จำนวน 6 ห้อง ในวันที่ 1 มีนาคม 2560 และกลางปีจะเปิดเพิ่มอีก 10 ห้อง รวมเป็น 16 ห้อง นอกจากนี้ โปรเจกต์ โฮเทล โบคาจ ยังมีแผนเตรียมเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ ในปีนี้ด้วยเช่นกัน
โครงการที่ 3 คือ การผลิตภาพยนตร์ ร่วมกับนักลงทุนจากภายนอก โดยภาพยนตร์เรื่องแรกที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการผลิตมีชื่อว่า “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” ซึ่งถูกซื้อลิขสิทธิ์บทประพันธ์มาจากหนังสือชื่อเดียวกัน ของวีรพร นิติประภา กวีซีไรต์ ประจำปี 2015 พัฒนาบทภาพยนตร์โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี และยังได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง เป็นเอก รัตนเรือง มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยจะมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศก่อน จากนั้นจึงนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามาฉายในประเทศไทย
“จะเห็นได้ว่าการลงทุนใหม่ เราลงทุนทั้งโครงการที่เป็นคอมเมอร์เชียล โรงแรม ภาพยนตร์ อาร์ตโปรเจกต์ และคัลเจอร์ โปรเจกต์ เราอยากให้เห็นว่า ในประเทศไทยไม่มีนักลงทุนที่ลงทุนในโปรเจกต์ที่เป็นเรื่องของ ครีเอทีฟ โปรดักส์ ทุกคนพยายามพูดถึงนวัตกรรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ขณะที่โครงการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสร้างสรรค์ยังไม่มีใครลงทุนอย่างจริงจัง แต่เรามีความชัดเจนในการลงทุนเรื่องนี้ เพราะจุดแข็งของเราคือ พันธมิตรทุกคนที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ เดอะ แจม แฟคตอรี่ ล้วนมีดีเอ็นเออย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความเป็นนักสร้างสรรค์ ที่มันจะสอดคล้องกับเรื่องราวของครีเอทีฟ อีโคโนมี ไทยแลนด์ 4.0 จะเห็นว่าที่ผ่านมาเราทำเรื่องนี้มานานแล้วก่อนที่ภาครัฐจะมีนโยบายในเรื่องนี้เสียอีก เราลงทุนอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศ ซึ่งเรามั่นใจว่าในที่สุดแล้วเราจะเป็นผู้นำในธุรกิจสร้างสรรค์ ที่มีความแข็งแรงในเชิงธุรกิจด้วย” ดวงฤทธิ์กล่าวในตอนท้าย