xs
xsm
sm
md
lg

กาแฟบูมคนไทยแห่ดื่ม ไทยเพิ่มพื้นที่ปลูกอีก 15%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิชา แย้มเกษร นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย
สมาคมกาแฟพิเศษคาดตลาดปี 60 โตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15-20% จากภาคการเกษตรขยายตัว ส่งผลมีร้านกาแฟรายใหม่ผุดขึ้นต่อเนื่อง ระบุภาคเหนือยังครองแชมป์ปลูกกาแฟมากสุด โดยเฉพาะสายพันธุ์อะราบิกา ล่าสุดเตรียมเปิดงาน “Thailand Coffee Fest 2017” ระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานมหกรรมที่ครบเครื่องเรื่องของ “กาแฟ” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เช่น การประมูล 10 สุดยอดเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2017 จากเกษตรกรผู้เข้ารอบ รวมถึงคลาสฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ เทคนิคการคั่ว ชง ชิมกาแฟ และให้คำปรึกษาการบริหารการจัดการร้านกาแฟ โดยงานดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 100,000 คน และมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

นายอภิชา แย้มเกษร นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดธุรกิจกาแฟพิเศษว่า “จากสภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2559 ที่หดตัวลงประมาณร้อยละ 0.5 สาเหตุจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและภัยแล้งที่ต่อเนื่องมาจากปี 2558 ในขณะที่รายได้เกษตรกรโดยเฉลี่ยตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี 2560 แนวโน้มเศรษฐกิจภาคการเกษตรจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.4-3.4 จากนโยบายสำคัญที่ช่วยผลักดัน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสภาวะตลาดธุรกิจกาแฟปี 2560 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 15-20% สังเกตได้จากมีการเปิดร้านกาแฟใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดกาแฟพิเศษก็มีความนิยมเพิ่มขึ้น 3-5% เทียบสัดส่วนกาแฟทั่วไปต่อกาแฟพิเศษน่าจะอยู่ที่ประมาณ 90% กาแฟทั่วไป และ 10% เป็นกาแฟพิเศษ

จากผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปี 2559 พบว่า อะราบิกา สามารถผลิตได้ประมาณ 9,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสตาประมาณ 17,800 กว่าตัน โดยราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงกว่ากาแฟจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีการเก็บภาษีนำเข้ากาแฟจากกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) สูงถึง 90% โดยราคาเมล็ดกาแฟไทยอยู่ที่ 160-180 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาเมล็ดกาแฟประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ 95-105 บาท เนื่องจากสถานการณ์ความแปรปรวนของอากาศและสภาวะแห้งแล้งฝนทิ้งช่วงยาวนาน และเกิดฝนตกในช่วงหน้าหนาว เราประมาณการผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปี 2560 โดยคาดว่าผลผลิตอะราบิกาจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสตาประมาณ 15,000 กว่าตัน โดยราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงอยู่ ซึ่งกาแฟอะราบิการาคาอยู่ที่ประมาณ 180 บาทต่อกิโลกรัม และกาแฟโรบัสตาอยู่ที่ 80-90 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันการเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟยังมีต่อเนื่อง โดยในปีนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่การปลูกกาแฟอะราบิกาอีกประมาณ 15% พื้นที่การปลูกส่วนใหญ่ยังคงเป็นภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ส่วนกาแฟโรบัสตามีการเพิ่มพื้นที่ปลูกอีกประมาณ 5% ซึ่งเกิดจากราคายางพาราตกต่ำ และการปลูกปาล์มน้ำมันที่ราคาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยพื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ยังเป็น ชุมพร ระนอง” นายอภิชากล่าว และเพิ่มเติมว่า

“ที่ผ่านมาทางกลุ่ม Thailand Quality Coffee (TQC) ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นจากเกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดกาแฟ ซึ่งถือเป็นต้นน้ำ ถึงผู้ดื่มกาแฟปลายน้ำในด้านต่างๆ ตั้งแต่การดูแลในแต่ละช่วงการผลิต แปรรูป จนได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณสมบัติเฉพาะ และได้มาตราฐานที่ดีเพิ่มมากขึ้น ให้สามารถเชื่อมโยงกับตลาดกาแฟโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดงาน Thailand Coffee Fest 2017 ในครั้งนี้นับเป็นปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมากในการพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการได้เมล็ดกาแฟที่ดีจากผู้ปลูกโดยตรง การพบปะสื่อสารทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าตลาดต้องการอะไร ตลาดหาสินค้าที่ความต้องการได้ชัดเจนขึ้น ผู้บริโภคก็ได้สินค้าและบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การค้ากาแฟไทยมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น การจัดงาน Thailand Coffee Fest 2017 จึงเป็นการท้าทายความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ แบบครบเครื่องภายใต้แนวคิด “Together We Grows” เพื่อพัฒนาธุรกิจการค้าในแวดวงกาแฟและผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่การค้ากาแฟในระดับสากลที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนขององค์กรยูเนสโก

ภายในงานจะได้สัมผัส และลองลิ้มชิมรสเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดในประเทศไทยแบบเจาะลึกจากผู้เข้ารอบการประกวด “10 สุดยอดเมล็ดกาแฟไทยแห่งปี 2560” ครั้งที่ 5 รอบ 20 ตัวสุดท้าย ว่ากาแฟดีๆ มีรสชาติที่เป็นที่ต้องการของตลาดควรเป็นอย่างไร และร่วมลุ้นสนุกสนานไปกับการประมูลและประกาศผลผู้ชนะการประกวด

อีกทั้งยังร่วมชม และเป็นประจักษ์พยานครั้งสำคัญ กับการแข่งขันเมนูที่ถือเป็นอัตลักษณ์ของชาติไทย กับการแข่งขัน “World Es Yenn Championship #1 2017 - WEYC 2017” พร้อมชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ามากกว่า 100,000 บาท นอกจากนี้ ภายในงานยังจัดให้เป็นศูนย์กลางรวมเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับเจ้าของร้านกาแฟ หรือผู้ที่สนใจการชง ชิมกาแฟ ได้เลือกซื้อได้อย่างครบครัน!!

นอกจากนี้ยังพบกับการออกร้านของเหล่าร้านกาแฟอินดี้ชั้นนำของเมืองไทย ให้เหล่าคอกาแฟและ Coffee lover ทั้งหลายละมุนไปกับรสชาติกาแฟที่เหล่าบาริสตาแนวหน้าได้นำเสนอ และการออกร้านของ Good Coffee จากญี่ปุ่นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอกาแฟพิเศษ พร้อมร่วมชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ต้นกาแฟของพ่อ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย ด้วยการรวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านต่อวงการกาแฟ อีกทั้งยังร่วมชอป และชมการออกร้านของโครงการหลวง, สมาคมการตลาดเกษตรและอาหารแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (AFMA), มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

ภายในงานยังมีการเสวนาฟรีที่เวทีใหญ่ในเรื่องเกี่ยวกับแนวทางการทำธุรกิจต่างๆ อย่างไรให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน พิเศษ สำหรับคนที่คิดอยากจะเปิดร้านกาแฟภายในงานนี้จะได้พบกับบริษัทขายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับร้านกาแฟชั้นนำของเมืองไทย ที่มาร่วมออกร้านพร้อมทั้งให้คำปรึกษาและของแถมเป็นคอร์สเรียนการชงกาแฟให้ ฟรี!!! ไม่จำกัดจำนวน

อีกทั้งผู้ที่สนใจยังสามารถร่วมเรียนกับคลาสเรียนต่างๆ เกี่ยวกับกาแฟในเชิงลึกในคลาสเรียนที่สอนโดยผู้มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เช่น คลาส Drip Coffee ที่สอนโดยแชมป์ National Thailand Brewer Cup 2016 ประเทศไทย คุณสุธิดา ศรีรุ่งธรรม และคลาส Roaster profile ที่สอนโดยแชมป์คั่วกาแฟโลก ปี 2016 Alexandru Niculae จากประเทศโรมาเนีย, Extraction โดย SK Leng นักวิจัยด้านกาแฟจากประเทศมาเลเชีย และยังมีคลาส Cupping, Basic roasting & Introduction Artisan Software, Sensory และสุดท้าย Cupping for Farmer คลาสที่เตรียมไว้สอนเกษตรกรผู้ปลูกและโปรเซสสำหรับชิมกาแฟที่ตัวเองปลูกว่าได้รสชาติตามที่ควรจะเป็นหรือไม่

ปิดท้ายกับไฮไลต์ในงานกับนิทรรศการ “ต้นกาแฟของพ่อ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย และร่วมฟังการถ่ายทอดเรื่องราวของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย จากอาจารย์ชัยวัฒน์ ชุ่มปัน ผู้ทำงานสนองพระราชดำริตั้งแต่ครั้งก่อตั้งโครงการหลวง และท่านจะได้พบกับโซนนิทรรศการเทิดพระเกียรติรวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านต่อวงการกาแฟ