xs
xsm
sm
md
lg

“เมเจอร์ฯ” เปิดสูตรดันหนังไทย ผนึกค้าปลีกลง “อำเภอ-ตำบล”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - “เมเจอร์ฯ” มองอนาคตหนังไทยต้องมีสัดส่วน 50% เท่ากับหนังต่างประเทศในอีก 3 ปี วางแผนขยายสาขาต่างจังหวัดลงรากลึกระดับอำเภอและตำบลรองรับ จับมือมหาวิทยาลัยกรุงเทพเปิดแคมเปญเพื่อปลุกตลาดหนังไทยให้แกร่งขึ้น

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหนังไทยในขณะนี้เป็นที่นิยมและมีการเติบโตมากขึ้นกว่าในอดีตที่มีสัดส่วนน้อยไม่ถึง 20% อย่างไรก็ตาม คาดว่าจากนี้สัดส่วนหนังไทยน่าจะอยู่ในระดับ 50% เท่ากับหนังต่างประเทศในอีก 3 ปีจากนี้ เช่นเดียวกับในประเทศที่เจริญแล้วและอุตสาหกรรมหนังค่อนข้างแข็งแรง เช่น เกาหลี ซึ่งท็อปเท็นรายได้สูงสุดเป็นหนังเกาหลีมากถึง 70% หรือในญี่ปุ่น อเมริกา

ทั้งนี้ การขยายตลาดหนังไทย เมเจอร์ฯ จึงต้องขยายตลาดโรงหนังในต่างจังหวัดมากขึ้นด้วยเพื่อรองรับตลาดหนังไทยที่จะเจาะตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นและเป็นหลัก เนื่องจากหนังไทยจะได้รับความนิยมมากในต่างจังหวัด ในขณะที่ตลาดในกรุงเทพฯ จะมีทั้งตลาดหนังต่างประเทศกับหนังไทยที่แตกต่างจากต่างจังหวัด

ปัจจุบันเมเจอร์ฯ มีโรงหนังประมาณ 600-700 จอ อยู่ในต่างจังหวัดมากกว่า 55% สัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัด 50% จากแผนปีนี้ที่จะลงทุนเปิดอีก 70 กว่าจอ จะเป็นในต่างจังหวัดมากกว่า 60% ซึ่งในต่างจังหวัดนั้นมีอยู่แล้ว 37 จังหวัดจากทั้งหมด 77 จังหวัด จึงจะเป็นการขยายลงรากลึกระดับอำเภอที่มีมากกว่า 10,000 อำเภอ และระดับตำบลด้วย เป็นการไปกับคู่ค้ารายใหญ่ เช่น บิ๊กซี กับเทสโก้โลตัส อำเภอละ 1-2 โรงเท่านั้น ขนาด 100-150 ที่นั่ง

ทั้งนี้ เมเจอร์ฯ วางเป้าภายในปี 2563 จะมีโรงหนังให้ครบ 1,000 จอ ซึ่งรวมในต่างประเทศด้วย เช่น สาขาใหม่ที่วางแผนไว้แล้ว เช่น ดิไอคอนสยาม แบงกอกมอลล์ บลูเพิร์ล เป็นต้น ด้วยงบลงทุนเฉลี่ยปีละ 1,000-1,200 ล้านบาท

ล่าสุดได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดโครงการ มูฟวี่ บู้สท์ อัพ เทศกาล หาเรื่อง สตอรี่พิทชิ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจจากทุกสาขาอาชีพที่มีไอเดียดีสดใหม่ นำมาพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์ เพื่อส่งเสริมภาพยนตร์ไทยให้มีความแข็งแกร่งและมีคุณภาพมากขึ้น ตามความมุ่งมั่นที่อยากให้หนังไทยมีส่วนแบ่งตลาด 50% ในอนาคต

ขณะที่เมเจอร์ฯ เองก็มีบริษัทในเครือที่ผลิตหนังไทยหลายบริษัท เช่น เอ็ม39, ทรานส์ฟอร์เมอร์, เอ็มพิคเจอร์ส เป็นต้น รวมแล้วปีนี้ผลิตหนังไทยออกมาไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง หรือค่ายอื่น เช่น จีดีเอช ค่ายทีโมเมนต์ เป็นต้น ผลิตค่ายละไม่ต่ำกว่า 3 เรื่อง ซึ่งจะทำให้หนังไทยมีคุณภาพและปริมาณมากขึ้น

ส่วนตลาดรวมหนังในปี 2560 คาดว่าจะเติบโต 20% เพราะเป็นปีที่มีหนังฟอร์มใหญ่ทั้งเรื่องใหม่และภาคต่อจำนวนมาก เช่น สไปเดอร์แมน, ทรานส์ฟอร์เมอร์ เป็นต้น จากปีที่แล้วที่ตลาดรวมเติบโตประมาณ 10% ด้วยมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคมเดือนเดียวที่ผ่านมารายได้ตลาดหนังค่อนข้างจะดี มีหนังไทยที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทแน่นอนแล้ว คือ มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ ซึ่งคาดปีนี้ในภาพรวมจะมีหนังที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทประมาณ 20 เรื่องขึ้นไป และที่มีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาทประมาณ 6-7 เรื่อง



กำลังโหลดความคิดเห็น