ทันทีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้อง กรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สารผล อดีตรมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ รวม 5 คน ที่ขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ทางราชการ รวมเป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยศาลให้เหตุผลว่า ในชั้นนี้ยังรับฟังไม่ได้ว่าหากไม่ทุเลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว จะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อผู้ฟ้องทั้ง 5 คน เพราะนับแต่ออกคำสั่งและแจ้งคำสั่ง ยังไม่มีการดำเนินการบังคับทางปกครองด้วยการยึดหรืออายัดทรัพย์จากทั้ง 5 คนแต่อย่างใด
ถึงตอนนี้ คงมีข้อสงสัยว่า คนที่ร่วมทุจริตขายข้าวจีทูจีและต้องชดใช้ค่าเสียหายแต่เดิมมีถึง 6 คน แล้วทำไมจู่ๆ จึงเหลือแค่ 5 คน เพราะอีกคน คือ นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ได้หลบหนีไปนานแล้ว และทุกวันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ตามตัวไม่ได้ จึงเหลือเพียงแค่ 5 คน ที่ได้ยื่นขอทุเลาคำสั่งต่อศาล
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนก.ย.2559 ตอนนั้น มีปัญหาเรื่องการลงนามไม่ลงนามคำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีทุจริตขายข้าวจีทูจี นายกรัฐมนตรีจะลงนามเอง หรือรมว.พาณิชย์ลงนาม หรือปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนาม และยังไม่ชัดเจนว่าเมื่อลงนามแล้ว ใครจะเป็นคนตามยึดอายัดทรัพย์ จนกระทั่งได้มีคำสั่ง คสช.ที่ 56/2559 ให้กรมบังคับคดีเข้ามาดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ หลังมีคำสั่งทางปกครอง ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
จากนั้น วันที่ 19 ก.ย.2559 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ จึงได้ลงนาม แทนนายกรัฐมนตรี และน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น ลงนามแทนรมว.พาณิชย์ และเมื่อลงนามแล้ว กรมการค้าต่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งให้ทั้ง 6 ราย มาชดใช้ค่าเสียหายภายใน 30 วัน แต่ก็ไม่มีใครมา ถัดมาได้มีหนังสือแจ้งเตือนไปอีกรอบใน 15 วัน แต่ก็ไม่มีใครตอบรับชดใช้อีก
ทั้งนี้ ช่วงที่รอว่าทั้ง 6 ราย จะจ่ายหรือไม่จ่าย น่าจะกินเวลาถึงราวๆ ปลายเดือนพ.ย.2559 ถึงต้นเดือนธ.ค.2559 เพราะการนับวันจะไม่นับรวมวันหยุดราชการ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ทั้ง 6 ราย ไม่มีใครจ่าย แต่ได้ใช้วิธียื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอทุเลาคำสั่งแทน ซึ่งในที่สุดเรื่องก็ออกมาอย่างที่ทราบกันแล้ว
ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า หากนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559 จนถึงวันที่ 10 ก.พ.2560 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมากว่า 5 เดือนได้อย่างไร
สอบถามกรมการค้าต่างประเทศ ได้ความว่า หลังจากรมว.พาณิชย์เซ็นคำสั่งทางปกครอง และช่วงที่แจ้งหนังสือให้ชดใช้ค่าเสียหาย ระหว่างนี้ได้มีการหารือกับกรมบังคับคดีมาโดยตลอด อยากได้เอกสารหลักฐานอะไรก็ส่งให้ เพื่อให้กรมบังคับคดีไปดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบ
ฟังดูเผินๆ เหมือนร่วมมือกันทำงานด้วยดี แต่รู้หรือไม่ว่า มีคนบางคน คอยถ่วงคอยดึง ยกตัวอย่างเช่น ส่งเอกสารไปให้ ผ่านไป 3 อาทิตย์ มาบอกว่า เอกสารไม่ครบ ขอให้ส่งใหม่ พอส่งไปใหม่ มาบอกอีกว่า ยังขาดเอกสารโน่นนั่นนี่ ทั้งๆ ที่หากบอกให้ครบตั้งแต่แรก ก็จบเรื่อง แต่ไม่ทำ
จนล่าสุด ก็โยนตูมมาอีกว่า ที่ตามยึดอายัดทรัพย์ไม่ได้ เพราะกรมการค้าต่างประเทศไม่ส่งเอกสารหลักฐาน ไม่ยอมตั้งเรื่องเพื่อให้ดำเนินการยึดทรัพย์ จนเป็นที่มาของการกำหนดวันที่ 14 ก.พ. ที่จะต้องมาตั้งเรื่องนับหนึ่งกันใหม่
ฝากท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม เรียกเอกสารมาดูหน่อยเถอะ แล้วจะเจอใครเป็น "ไอ้โม่ง" คอยถ่วงเรื่องนี้อยู่
กระชากหน้ากากให้สังคมรับรู้กันไปเลย