“กกพ.” ชะลอออกใบอนุญาตโครงการวินด์ฟาร์ม 11 ราย จำนวน 700 เมกะวัตต์ รอความชัดเจนจาก ส.ป.ก. ขณะที่แม้แต่ 4 รายที่ COD แล้ว 354 เมกะวัตต์ก็ยังต้องลุ้น
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ขอเวลา 1 สัปดาห์ที่จะสรุปเกี่ยวกับความชัดเจนการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ของผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมภายหลังศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนการดำเนินงานของ บ.เทพสถิตวินด์ฟาร์ม จ.ชัยภูมิ เนื่องจากขัดหลักการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ทำให้ขณะนี้ กกพ.ต้องชะลอการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับผู้ผลิตไฟจากพลังงานลม 11 รายที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม มีเอกชน 4 รายที่จ่ายไฟเข้าระบบ หรือ COD แล้ว และโครงการอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. รวม 354 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1. บริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ขนาด 103.5 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 2. บริษัท ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จำกัด (โครงการชัยภูมิวินด์ฟาร์ม) ขนาด 80 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.กิ่งอำเภอซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ 3. บริษัท วะตะแบก วินด์ จำกัด ขนาด 60 เมกะวัตต์ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และ 4. บริษัท เทพพนา วินด์ฟาร์ม (วะตะแบก 2) ขนาด 6.9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.เทพสถิต จ.ชยภูมิ ขณะนี้ยังสามารถจ่ายไฟได้ปกติ แต่ กกพ.จะต้องรอการพิจารณาจาก ส.ป.ก.ว่าที่สุดจะเข้าข่ายถูกเพิกถอนหรือไม่
“หากทุกรายต้องยุติกิจการจะก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหาย 8.4-9.4 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีที่เอกชนจะฟ้องร้องก็คงเป็นเรื่องที่เอกชนจะดำเนินการ กกพ.เองคงรอความชัดเจนจาก ส.ป.ก.ก่อน” นายวีระพลกล่าว
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้นโยบายซื้อไฟฟ้าจากพลังงานลมตามแผนพลังงานทดแทนจะยังคงรับซื้อรวม 3,000 เมกะวัตต์ แต่ขณะนี้มีการเสนอขายมาแล้ว 1,500 เมกะวัตต์ แต่ปัญหาดังกล่าวอาจจะทำให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ต้องมาทบทวนสัดส่วนการผลิตจากพลังงานลมในปัจจุบันว่าจะเข้าระบบได้ตามที่ยื่นขอหรือไม่