“กบง.” เคาะขึ้นราคาแอลพีจีเดือน ก.พ. 60 เป็น 0.67 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่ 7 ก.พ.เป็นต้นไปส่งผลให้ราคาขยับจาก 20.29 บาทต่อ กก. เป็น 20.96 บาทต่อ กก. โดยถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 1 ปีจากทิศทางราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานเมื่อ 6 ก.พ.ได้เห็นชอบประกาศราคาขายปลีกแอลพีจีเดือน ก.พ. 2560 เพิ่มขึ้น 0.67 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากเดิมราคาขายปลีกอยู่ที่ 20.29 บาทต่อ กก. เป็น 20.96 บาทต่อ กก.หรือปรับขึ้น 10 บาทต่อถังขนาด 15 กก. ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 1 ปี และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากคำนวณต้นทุนตามนโยบายราคาเสรีนำเข้าที่อิงตลาดโลก หรือ CP+X และราคาที่สะท้อนจากก๊าซในอ่าวไทยผ่านโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นรวมแล้วราคาจะต้องปรับเพิ่มขึ้น 1.10 บาทต่อ กก. แต่เนื่องจากรัฐไม่ต้องการให้เป็นภาระแก่ประชาชนมากเกินไปจึงพิจารณานำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีมาอุดหนุนเพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้องอุดหนุนรวม 556 ล้านบาทต่อเดือน หรือชดเชยเป็น 7.566 บาทต่อ กก. จากเดิมที่กองทุนฯ จ่ายอุดหนุนเพียง 400 ล้านบาทต่อเดือน หรือชดเชย 4.98 บาทต่อ กก. จึงทำให้ราคาขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.67 บาทต่อ กก.
“ราคาแอลพีจีตลาดโลก CP ปรับขึ้น 90 เหรียญฯ ต่อตันมาอยู่ที่ 555 เหรียญฯ ต่อตัน ขณะที่ X คือต้นทุนค่าขนส่งการใช้จ่ายต่างๆ ปรับขึ้น 5 เหรียญฯต่อตันมาอยู่ที่ 49 เหรียญฯ ต่อตัน ส่งผลให้ต้นทุนรวมปรับขึ้น 95 เหรียญฯ ต่อตัน ขณะนี้เรายังไม่ได้สู่ราคาเสรีเต็มรูปแบบ หากสะท้อนกลไกตลาดโลกจริงจะต้องมีต้นทุนเท่ากับ 95 เหรียญฯ ต่อตัน หรือต้องขึ้นราคาขายปลีก 3.20 บาทต่อ กก. แต่เนื่องจากราคาแอลพีจีจากโรงแยกซึ่งเป็นการใช้ก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่อิงราคาน้ำมันเตาย้อน 6-12 เดือนจึงทำให้ต้นทุนส่วนนี้ถูกลงทำให้โรงแยกและโรงกลั่นต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่ม จึงทำให้ต้นทุนจริงเหลือ 1.10 บาทต่อ กก.” นายทวารัฐกล่าว
ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 29 มกราคม 2560 อยู่ที่ 40,718 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนของบัญชีก๊าซ LPG อยู่ที่ 7,120 ล้านบาท และส่วนของบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 33,598 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กบง.ได้รายงานราคาแอลพีจีและราคาน้ำมันโดยแนวโน้มราคาแอลพีจีตลาดโลกเดือน ก.พ. คาดว่าจะเป็นจุดสูงสุดเนื่องจากภาวะอากาศที่คาดว่าจะเย็นลดลงทำให้ความต้องการแอลพีจีที่จะใช้ทำความอบอุ่นลดลง ขณะเดียวกัน ต้องติดตามราคาน้ำมันที่ขณะนี้กลุ่มโอเปกจะลดการผลิตได้มากน้อยตามนโยบายหรือไม่ รวมถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะออกมา