xs
xsm
sm
md
lg

ทันประเด็น : รถเมล์ NGV คว่ำไม่เป็นท่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากการประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. เพื่อพิจารณาการจัดซื้อรถเมลล์เอ็นจีวี 489 คัน วงเงิน 3,387 คันซึ่งบริษัทเทสท์รินกรุ๊ป เป็นผู้ชนะการประมูล แต่ปรากฏว่าเมื่อมีการนำรถเข้าเมล์เข้ามาตามขั้นตอน แต่กรมศุลกากรได้จับพิรุติ การแจ้งแหล่งประกอบที่มาของรถเอ็นจีวีว่าเป็นรถที่ผลิตจากประเทศจีน แต่ส่งมาที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อหวังผลตามข้อตกลงทางการค้า AFTA เพื่อยกเว้นภาษีนำเข้า 40%

ต้องชมเชย"กรมศุลกากร"ฝ่ายไทยว่าได้ประสานเพื่อขอข้อมูลและยืนยันว่าแหล่งผลิตรถเอ็นจีวีที่แท้จริงนั้นเป็นรถที่นำเข้ามาจากจีน ไม่สามารถตบตากรมศุลกากรได้ จึงเกิดเป็นเรื่องโอละพ่อขึ้นมา ว่าแหล่งกำเนิดของรถเอ็นจีวีที่นำเข้ามานั้นไม่ตรงกับที่แจ้งไว้

งานนี้ทำเอา "สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล" ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก.ต้องแบกภาระการแก้ปัญหาแทบกระอัก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หาทางออกให้กับ "เบสทรินกรุ๊ป "ผู้นำเข้ารถเมลล์เอ็นจีวี จนสามารถนำรถออกมาจากท่าเรือและนำไปติดตั้งระบบจีพีเอส เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไข แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดของ คณะกรรมการที่ตรวจรับรถเอ็นจีวี ยอมรับ เพราะจำนนท์ต่อหลักฐาน

ถึงแม้จะอ้างว่ารอหลักฐานจากกรมศุลกากรถึงแหล่งกำเนิดของรถเอ็นจีวี และให้ชะลอการรับรถเอ็นจีวีออกไปก่อน ทำให้ เบสทรินกรุ๊ป งานนี้ต้องกระอักออกมาเป็นเลือด เพราะจะถูกปรับเป็นรายวันๆละ 17,000 บาท/คันคิดเป็นค่าปรับเฉลี่ยวันละ 8.3 ล้านบาท และถ้ายังไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามกำหนดหรือคิดค่าปรับประมาณ 10% มูลค่าจัดซื้อ ก็อาจจะถูกยึดเงินประกันประมาณ 330 กว่าล้านบาท

ในที่สุด ขสมก.ก็จะต้องบอกเลิกสัญญาการสั่งซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วประชาชนจะทำอย่างไร คำตอบง่าย ๆ คือก็ต้องเร่งเปิดประมูลใหม่

บทเรียนที่ผ่านมาเป็นบทเรียนราคาแพงของ ขสมก. และเอกชนที่จะเข้ามาประมูลเอ็นจีวี การประมูลครั้งใหม่คงต้องมีความละเอียดรอบคอบมากกว่าเดิม และสอนให้ เอกชนได้รู้ว่าจะใช้วิธีการลักไก่กับกรมศุลกากรไม่ได้อีกแล้ว การแจ้งแหล่งกำเนิดรถชนิดที่เรียกว่า"ซิกแซก" ทำไม่ได้ในยุคนี้

เพราะยุครัฐบาล"ประยุทธ์"นี้ ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ ทุกแห่งที่มีเรื่องฉาวโฉ่ทุจริต กินนายหน้าการจัดซื้อจัดจ้าง สะท้านไปทั่ว

"ทันประเด็น"บอกได้เลย "เบสทรินกรุ๊ป "ประมูลงาน ขสมก.ครั้งนี้เจ๊งกับเจ๊ง อ่วมอรทัย โดนทั้งค่าปรับ และค่ารถที่เตรียมการจัดเอ็นจีวีมา 390 คัน นำออกมาจดทะเบียนแล้ว กว่า 100 คัน ส่วนอีก 99 คันกรมศุลกากรยังกักไว้อยู่ที่บริเวณท่าเรือฯ

คราวนี้คงต้องจับตามองว่า เบสทรินกรุ๊ป จะปรับตัวอย่างไร หรือเจรจาต่อรองกับทาง ขสมก.ด้วยการเจรจาเพื่อต่อรองราคารถเมล์ให้ถูกลง

ทำให้ผู้ใช้บริการของ ขสมก.ที่วาดฝันกลางอากาศว่าจะรอขึ้นรถเอ็นจีวีรุ่นใหม่ ทันสมัย สะอาด ต้องเป็นฝันสลายไปในพริบตา อย่างไรก็ตามผู้รอความหวังใช้เอ็นจีวี ก็อย่าเพิ่มท้อหรือหมดความหวัง เพราะท่านนายกฯตู่ สอบถามความคืบหน้าอยู่ตลอดว่าเมล์เอ็นจีวี ไปถึงไหนแล้ว แต่บังเอิญคราวนี้มา "คว่ำไปเป็นท่า"

เพราะรัฐบาลชุดนี้จะไม่เล่นกับของร้อน อะไรไม่ถูกกฎหมายก็เลิก เปิดประมูลใหม่ สั้น ๆ ง่าย ๆได้ใจความและชัดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น