ผู้จัดการรายวัน360- อาร์เอสทุ่ม 700 ล้านบาทลุยช่อง8 เต็มกำลัง หวังสิ้นปีเรตติ้งผู้ชมทะลุ 5.5แสนคน/นาที พร้อมโขกราคาโฆษณาเพิ่มอีก35- 45% ตั้งแต่ม.คนี้เป็นต้นไป ชี้ธุรกิจเพลงแผ่ว ทำใจสัดส่วนรายได้เพลงเหลือ5%ในปีนี้ แต่กำไรโตต่อเนื่องหลังเน้นลดต้นทุนให้ศิลปินร่วมลงทุน รวมทั้งปีแตะ 3,576ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี60นี้ถือเป็นปีที่อาร์เอสจะก้าวสู่การเก็บเกี่ยวจากสิ่งที่ลงทุนไป และจากปีก่อนที่มีการปรับโครงสร้างการทำงานและแผนธุรกิจใหม่ โดยเฉพาช่อง8 และธุรกิจสุขภาพและความงาม เป็นธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนรายได้ในอนาคต
จากปัจจุบันแบ่งธุรกิจออกเป็น 4ส่วนหลัก คือ 1.สื่อ ทั้งทีวีและวิทยุ ได้แก่ช่อง8,ช่อง2, สบายดีทีวี และยูแนว และ คลื่นวิทยุ คูล93 ฟาเรนไฮต์ 2.ธุรกิจสุขภาพและความงาม ภายใต้บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด 3.ธุรกิจเพลง และ4.อื่นๆ โดยทั้งปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 3,576 ล้านบาท และเป็นปีที่จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจสื่อ ทั้งปีคาดว่าจะเป็นสัดส่วนหลักกว่า 75% ของการทำรายได้กว่า2,713 ล้านบาทในปีนี้ มาจาก ช่อง8 รายได้1945 ล้านบาท, ช่อง2 รายได้ 68 ล้านบาท, ช่องสบายดีทีวี 240 ล้านบาท ช่องยูแชนแนล 36 ล้านบาท และคลื่นคูล93 ฟาเรนไฮต์ 404ล้านบาท ซึ่งในส่วนของเคเบิลทีวีอย่างช่อง2และยูแชนแนลเป็นช่องที่ไม่มีต้นทุน โดยเฉพาะช่อง2ใช้เป็นรีรันให้ช่อง8 เกือบ100% และหารายได้จากโฆษณาทั้งทางตรงและขายพ่วงกับช่อง8 ขณะที่ช่อง8 เองปีนี้ใช้งบกว่า 700 ล้านบาทในด้านคอนเท้นท์ที่มีทั้งผลิตเอง จ้างผลิต และซื้อลิขสิทธ์มา เช่น
ละคร เชลยศึก ออกอากาศครั้งแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้,เงาเสน่หา, ทรายย้อมสี, เงาอาถรรพ์, เพลิงรักไฟมาร, เกมรักพยาบาท, เสน่ห์นางครวญ, ใจลวง ซีรีส์อินเดีย เรื่อง สีดาราม ศึกรักมหาลงกา รายการมวย และเสียงสวรรค์ฟันน้ำนม ที่จะมาช่วยเพิ่มกลุ่มเป้าหมายครอบครัวมากขึ้น จากเดิมเรตติ้งช่องอยู่ที่ 3.5แสนคน/นาที ถึงสิ้นปีน่าจะเพิ่มเป็น 5.5แสนคน/นาที ซึ่งในไตรมาสแรกนี้ น่าจะขยับขึ้นได้ที่ 4.5แสนคน/นาที ภายใต้อัตราค่าโฆษณาที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนม.ค เฉลี่ยอีก 35-45% โดยเฉพาะช่วงข่าวและรายการมวยจะเพิ่มเรตโฆษณาอีก1เท่าตัว
ส่วนธุรกิจสุขภาพและความงาม ปีนี้จะเน้นทำตลาดเต็มกำลัง คาดว่าจะมีรายได้ 437 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้รวม ขณะที่ธุรกิจเพลงจากกระแสขาลง ปัฝีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 194 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนที่ 5% ของรายได้รวม แต่จากแผนการลดต้นทุน ที่ใช้โมเดลร่วมทุนกับศิลปิน ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้กว่า100% จะทำให้มีกำไรเป็น100% จากทั้งปีจะออกซิงเกิลใหม่ร่วม120เพลง หรือเดือนละ 10เพลง
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีปี 2560นี้เชื่อว่าจะรุนแรงต่อเนื่อง และจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นมนคลึ่งปีหลัง อันเป็นผลมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ คสช. ประกาศใช้มาตรา 44 ขยายเวลาจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลออกไป และกองทุนวิจัย กสทช. เข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมตามกฎมัสต์แครี่ รวมไปถึงนโยบายต่างๆ ที่ภาครัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และการผ่อนคลายของสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้เชื่อว่าเจ้าของสินค้าจะกล้ากลับมาใช้งบทำการตลาดและโฆษณามากขึ้น
โดยเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่จะยังคงกระจุกตัวอยู่แค่ 5 ช่องแรกที่ครองเรตติ้งสูงสุด ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา ช่อง 8 ประสบความสำเร็จครองเรตติ้งท็อปไฟว์ของเมืองไทยถือเป็นตำแหน่งที่สามารถช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาจากตลาดได้ โดยมี 3 คอนเทนต์ที่แข็งแกร่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดสายตาผู้ชม คือ “ละคร” ที่มีรสชาติถูกใจผู้ชม ขณะที่ “ข่าว” และ “มวย” เป็นอีกสองกลุ่มของทางสถานีที่มีเรตติ้งโดดเด่น วัดได้จากการครองเรตติ้งอันดับ 1 ของกลุ่มคอนเทนต์นั้นๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว