ผู้จัดการรายวัน 360 - “เดอเบล” เครือกระทิงแดงรุกหนักลอจิสติกส์ เพิ่มทีมงานรถแวน 160 ทีม เร่งหาฐานลูกค้าเพิ่มสัดส่วนนอกเครือ ล่าสุดคว้าเซเรบอสรายใหญ่ ชี้ลอจิสติกส์ในไทยมีโอกาสสูงและแข่งขันรุนแรง
นายอดิสร ลิ้มณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอเบล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจลอจิสติกส์ในเครือของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เปิดเผยว่า ธุรกิจลอจิสติกส์ในไทยจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจส่งผลให้บริษัทฯ ต้องวางแผนดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นหลังจากที่ทำธุรกิจมานานกว่า 15 ปีแล้ว แต่ยังคงเน้นจุดแข็งเดิมคือความเป็นผู้เชี่ยวชาญลอจิสติกส์ในระดับท้องถิ่นหรือโลคอลที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนลงทุนในปี 2560 นี้จะขยายศูนย์กระจายสินค้า หรือดีซีเพิ่ม โดยมองทำเลไว้ที่ภาคอีสานที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งจะเป็นคลังที่ 6 ในอีสานจากเดิมที่อีสานมีแล้ว 5 คลัง คาดว่าลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนั้นจะมีการรีโนเวตหรือย้ายสถานที่ดีซีในต่างจังหวัดอีกหลายแห่งเนื่องจากบางแห่งพื้นที่เล็กเกินไปไม่พอรองรับธุรกิจที่เติบโตขึ้นจึงสร้างในที่ใหม่ใหญ่ขึ้น เช่น ภูเก็ต สมุทรสงคราม สระบุรี เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าหรือดีซีรวม 24 แห่งใน 20 จังหวัด เช่น ชลบุรี จันทบุรี เป็นต้น และมีสำนักงานสาขาอีก 12 แห่ง
นอกจากนั้นจะทำการขยายหน่วยรถแวนและทีมงานขายเพิ่มอีก 160 ทีม จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 310 ทีม รวมเป็น 470 ทีมภายในปีนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและลูกค้ารายใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าไปส่งยังช่องทางจำหน่ายได้เร็วขึ้นภายใน 2 วันทำการเท่านั้น เพราะมีดีซีกระจายครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นซึ่งจะทำให้การทำตลาดและการขายสินค้าของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สำหรับลูกค้าที่บริษัทฯ รับผิดชอบในการบริหารจัดการด้านลอจิสติกส์ให้มีรวมทั้งสิ้น 5 บริษัท แต่มีสินค้าหลากหลายแบรนด์ เช่น โอวัลติน แซปเป้ เป็นต้น และยังอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 1 รายเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม ล่าสุดเมื่อต้นปี 2560 บริษัทได้ลูกค้ารายใหม่เข้ามาแล้วคือ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายซุปไก่สกัดและรังนก “แบรนด์” รายใหญ่ เป็นลูกค้ารายที่ 5
ทั้งนี้ ลูกค้าหลักและรายได้หลักยังคงมาจากการบริหารลอจิสติกส์ให้กับธุรกิจในเครือกระทิงแดงอยู่ประมาณ 90% และธุรกิจนอกเครือ สัดส่วน 10% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี2560 สัดส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นในเครือกระทิงแดงเหลือ 60% และนอกเครือสัดส่วนเพิ่มเป็น 40%
“เราต้องการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโต จึงทำให้ต้องมีการรับบริหารสินค้านอกเครือมากขึ้นด้วย ทั้งสินค้าที่เป็นของคนไทยเองและของจากต่างประเทศที่นำเข้ามาจำหน่าย แต่เรายังคงเน้นทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลักก่อน ยังไม่ขยายไปต่างประเทศ เพราะมองว่าจากนี้ไปธุรกิจลอจิสติกส์ในไทยจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมากและจะแข่งขันกันรุนแรงและมีบทบาทความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในไทยมีเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากที่มีการเปิดเออีซีแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังลังเลและดูความพร้อมทางด้านลอจิสติกส์ในไทยว่าเป็นอย่างไร” นายอดิสรกล่าว
นายอดิสรกล่าวต่อว่า ปี 2560 นี้จากการขยายธุรกิจทั้งความพร้อมในการบริการและการขยายฐานลูกค้าเพิ่มคาดว่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่รายได้รวมประมาณ 12,000 ล้านบาท แต่เติบโตเพียง 7% เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ซึ่งต่ำกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่โตมากกว่านี้