“กกร.” ปรับเป้าหมายการส่งออกปี 2560 อยู่ในกรอบ 1-3% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 0-2% เหตุส่งออกปี 2559 พลิกโตแถม ศก.ดี ราคาพืชผลบางชนิดแนวโน้มขยับตามน้ำมัน ยื่น “คลัง” ขอขยายมาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศออกไปอีก 6 เดือนดัน ศก.โต 3.5-4% มองน้ำท่วมใต้กระทบหมื่นล้าน แต่ไม่มีผลต่อ ศก.มากนัก
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยหลังประชุม กกร.นัดแรกของปี 2560 ว่า กกร.ได้คาดการณ์การส่งออกของไทยปี 2560 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยอยู่ในกรอบ 1-3% จากกรอบเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 0-2% เนื่องจากทิศทางการส่งออกของปี 2559 ทั้งปีคาดว่าจะไม่ติดลบ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจปี 2560 จะมีแนวโน้มที่ดี รวมถึงราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อราคาสินค้าเกษตรบางรายการ
อย่างไรก็ตาม กกร.ได้ทำหนังสือไปยังนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เพื่อขอพิจารณาขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศโดยให้บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายในลักษณะของค่าเสื่อราคาได้ 2 เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุนหรือต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการโดยเป็นการลงทุนในทรัพย์สินซึ่งมีระยะเวลา 3 พ.ย. 58 - 31 ธ.ค. 59 โดยขอให้ยืดเวลาออกไปอีก 6 เดือนหรือสิ้นสุด มิ.ย. 60 หากรัฐพิจารณาจะช่วยสนับสนุนให้เอกชนขยายการลงทุนที่จะป็นแรงขับดันให้เศรษฐกิจไทยปี 2560 เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งกกร.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 2560 จะเติบโตในกรอบ 3.5-4%
“เอกชนได้สำรวจความเห็นแล้วพบว่าสมาชิก 80% แจ้งว่าจะขอใช้สิทธิ์เพื่อขยายการลงทุนในปี 2560 แต่เนื่องจากระยะเวลามาตรการค่อนข้างสั้นจึงอยากให้ขยายเวลาซึ่งขณะนี้คลังกำลังพิจารณาอยู่อาจจะเพิ่มเงื่อนไขบางกรณีเพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่ม” นายอิสระกล่าว
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ซึ่งทางสภาหอการค้าได้ประเมินผลกระทบอยู่ระหว่าง 1-1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้มองว่าจะไม่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาพมากนักเพราะเชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ระยะสั้น ขณะเดียวกันก็จะมีเม็ดเงินลงทุนไปฟื้นฟูโดยเฉพาะถนน หนทาง ต่างๆ ที่เสียหาย ขณะที่การท่องเที่ยวเองแหล่งใหญ่ๆ ก็ไม่ได้เกิดภาวะน้ำท่วมจึงกระทบเพียงเล็กน้อยคาดว่าภายใน 1 เดือนทุกอย่างจะคลี่คลาย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ประเด็นในแง่ของผลกระทบเมื่อคิดเป็นเม็ดเงินขณะนี้คงไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับจีดีพีถือว่าน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้สมาคมธนาคารคงจะได้หารือกันเพื่อหามาตรการช่วยเหลือด้านการเงินกับธุรกิจที่ถูกท่วมน้ำท่วมซึ่งคงเป็นหลักการส่วนแต่ละธนาคารจะดำเนินการอย่างไรก็อยู่ที่การพิจารณา