ผู้จัดการรายวัน 360 - “ลอฟท์” เปิดแผน 5 ปี จะลงทุนเพิ่มสาขาอีก 2 เท่า เป็น 8 สาขาอย่างต่ำ เน้นกรุงเทพฯ เป็นหลัก พร้อมเสริมแกร่งออนไลน์ เผยปีหน้าเปิดแน่ที่ดิไอคอน พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโตรวม 50% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 20%
นายกฤษฎา รินทรานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม สเปเชียลลิตี้ จำกัด ในเครือสยามพิวรรธน์ ผู้บริหารร้านลอฟท์ ไลเซนส์จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนระยะกลาง 3-5 ปีจากนี้จะขยายการลงทุนสาขาใหม่ หรือออฟไลน์ต่อเนื่องอีกเท่าตัว จากปัจจุบันที่มี 4 สาขา เป็น 8 สาขา โดยเน้นกรุงเทพมหานครเป็นหลักก่อน เช่น พื้นที่โซนตะวันออกเฉียงหนือของกรุงเทพมหานคร และตะวันตกของกรุงเทพฯ เป็นต้น และเพิ่มศักยภาพขยายช่องทางจำหน่ายอื่นๆ ที่เป็นออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย
ส่วนตลาดต่างจังหวัดมีความสนใจเช่นกันแต่ยังไม่ใช่ในระยะใกล้นี้ ที่ผ่านมาได้มีการปูพื้นฐานตลาดต่างจังหวัดไปแล้ว เช่น การขายผ่านออนไลน์ จะทำให้รู้ข้อมูลได้ว่าคนในต่างจังวหวัดมีพฤติกรรมซื้อสินค้าอย่างไรอะไรบ้าง หรือแม้แต่การร่วมมือกับนิตยสารแพรวในการแจกแค็ตตาล็อกสินค้าควบคู่กันไป ล่าสุดฉบับเดือนนี้แจกไป 280,000 ฉบับ เพื่อขยายฐานกลุ่มออนไลน์ด้วย
โดยปีหน้า (2560) คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ที่ 5 ที่ดิไอคอนสยาม ของกลุ่มสยามพิวรรธน์เองที่ถนนเจริญนคร ลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 1,300 ตารางเมตร ใกล้เคียงกับพื้นที่สาขาสยามดิสคัฟเวอรีเซ็นเตอร์ และอีก 1-2 สาขาที่คาดว่าจะสามารถสรุปได้ และตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 50% ซึ่งจะสูงที่สุดในรอบ 20 ปีของลอฟท์ในไทย มากกว่าปีนี้ (2559) ที่คาดว่าจะเติบโต 20% ซึ่งก็สูงที่สุดแล้วในรอบ 19 ปีที่ดำเนินกิจการในไทยมาเช่นกัน เนื่องจากการปรับเปลี่ยนสินค้าและการบริการและการขยายฐานสมาชิก
ขณะที่ปีหน้าการเติบโตจะมาจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ 1. การปรับปรุงสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านให้เป็นสินค้าจากญี่ปุ่น 80% ให้ครบทุกสาขา 2. การขยายฐานสมาชิกปีหน้าให้ครบเป็น 1 แสนคน จากสิ้นปีที่แล้วที่มี 50,000 คน โดยที่ขณะนี้มียอดสมาชิก 65,000 คนแล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้จะเป็น 70,000 คน 3. การรีโนเวตสาขาที่สเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเมกา บางนา ที่จะเปิดเต็มครบปีหน้า 4. การขยายช่องทางออนไลน์ โดยปีหน้าจะเน้นในส่วนของอี-คอมเมิร์ซ กับโมบายคอมเมิร์ซ และ 5. มาตรการส่งเสริมการชอปปิ้งจากภาครัฐและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตดี
ปัจจุบัน ลอฟท์ มี 4 สาขาในไทย คือ สยามดิสคัฟเวอรี ที่เพิ่งรีโนเวตใหม่เสร็จ มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20%, สาขาพาราไดซ์พาร์ค, สาขาสเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เปิดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเมกา บางนา เพิ่งเปิด เมื่อสองเดือนที่แล้ว ลงทุนไป 15 ล้านบาท พื้นที่ 400 ตารางเมตร ขณะที่ฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้อย่างมาก เนื่องจากการเพิ่มสิทธิประโยชน์มากขึ้น เช่น ได้รับส่วนลด 10% สามารถสะสมแต้มและนำมาแลกเป็นส่วนลดออนท็อปหรือแลกรับสินค้าพิเศษตามแต่ละแคมเปญโปรโมชัน อีกทั้งผู้ที่ถือบัตรสมาชิกรับส่วนลดในเดือนเกิด 15% ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเกินเป้าหมายกว่า 17%
นายกฤษดากล่าวว่า สินค้าในร้านแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ สเตชันเนอรี, แอ็กเซสซอรีไอที, สินค้าสุขภาพและความงาม, วาไรตี้ และสินค้าตกแต่งบ้าน โดยสินค้าที่ขายดี คือ สเตชันเนอรี รองลงมาคือ วาไรตี้ และสินค้าไอที ซึ่งสินค้าทั้งหมดในร้านที่มีมากกว่า 10,000 เอสเคยู เป็นสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่น 80% และเป็นของสินค้าไทย 20% แตกต่างจากในช่วงแรกๆ ที่เน้นสินค้าไทยกว่า 80% และสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นเพียง 20% เท่านั้น ทำให้ลอฟท์ขายดีและเติบโตขึ้นมาก มีความเหมือนกับลอฟท์ที่ญี่ปุ่นมากขึ้น
กล่มลูกค้าหลักของลอฟท์เป็นคนไทยกว่า 85% และเป็นต่างชาติกว่า 15% ส่วนใหญ่เป็นจีน และเอเซียเป็นหลัก สำหรับอัตราการใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ประมาณ 700-1,000 บาทต่อครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีทีแล้ว อย่างไรก็ตาม พบว่าในส่วนของการใช้จ่ายที่เป็นช่องทางออนไลน์นั้น เฉลี่ยแล้วมากกว่าช่องทางที่สโตร์ถึง 5 เท่า คือประมาณ 5,000 บาทต่อบิล
ล่าสุดในช่วงปลายปี 2559 ที่เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองและการจับจ่าย ได้จัดแคมเปญ “The World of Ultimated Gifts 2017” เมื่อซื้อสินค้าครบ 6,000 บาท รับคูปองส่วนลด ท้ายใบเสร็จเพิ่มอีก 600 บาท และส่วนลดจากบัตรเครดิตมากมาย ซึ่งได้เตรียมสินค้าที่เหมาะสมสำหรับเลือกซื้อเป็นของขวัญสั่งตรงจากญี่ปุ่น โดยมีสินค้าไฮไลต์ เช่น การ์ดอวยพร ไดอารีประจำปี ของขวัญชิ้นพิเศษ พร้อมบริการห่อของขวัญจากลอฟท์ที่รองรับคนมาชอปปิงและใช้บริการได้คาดว่าเกิน 1,000 คนต่อวัน
>