ผู้จัดการรายวัน 360 - APCO มุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย พร้อมจัดตั้งสถาบันทางการแพทย์และการวิจัยเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะการติดเชื้อ HIVและ AIDS คาดปี 60 ธุรกิจสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดด
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการดำเนินธุรกิจร่วมทุนของ 3 บริษัท ประกอบด้วย 1. สถาบันทางการแพทย์และการวิจัยเสริมภูมิคุ้มกันในการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะการติดเชื้อโรคเฉพาะ HIV และ AIDS โดยลงทุนร่วมกับบริษัท Elite Life Coach จำกัด ในสัดส่วน 50:50 จดทะเบียนบริษัทภายในเดือน ต.ค.ศกนี้
2. บริษัทวางแผนและดำเนินการธุรกิจ Digital Marketing ขยายช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ APCO สู่ทั่วโลก โดยลงทุนร่วมกับบริษัท Better Plus จำกัด ในเครือบริษัท ฉลาดมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในสัดส่วน 50:50 จดทะเบียนบริษัทภายในเดือน พ.ย.ศกนี้ และ 3. บริษัทวางแผนและดำเนินการทุกช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์ APCO ที่ใช้ทาภายนอก โดยลงทุนร่วมกับบริษัท Samaphan International จำกัด ในสัดส่วน 50:50 จดทะเบียนบริษัทภายในเดือน พ.ย. ศกนี้
“แผนการดำเนินธุรกิจร่วมทุนของ 3 บริษัท เกิดจากเป้าหมายการเพิ่มยอดจัดจำหน่ายปี 2560 ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนในอนาคต โดยจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผ่านดิจิตอลมาร์เกตติ้งแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ผลักดันผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาภายนอก เช่น แก้ปวด แก้ข้ออักเสบ แผลติดเชื้อ แผลเบาหวาน แก้แพ้ และบำรุงผิวพรรณ เน้นเจาะช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลากหลายและง่ายขึ้น เช่น ร้านขายยา และร้านเวชสำอางชั้นนำ
ศ.ดร.พิเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของสถาบันทางการแพทย์และการวิจัยเสริมภูมิคุ้มกัน จัดตั้งเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะการติดเชื้อในโรคเฉพาะ HIV และ AIDS รวมทั้งไวรัสตับอักเสบ B ที่สามารถลุกลามเป็นมะเร็งตับได้ โดยเตรียมจัดตั้งในกรุงเทพฯ ก่อนที่จะขยายสู่เชียงใหม่และขอนแก่น รวมถึงกลุ่มประเทศเออีซี
“บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างแบรนด์ Operation BIM และเผยแพร่งานวิจัยให้เป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องผ่านรายการโทรทัศน์และการแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงสนับสนุนงานขายในช่องทาง Direct Service และ Call Center ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการสร้างยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ”